
การเป็นเพื่อนร่วมทีมกันนั้นมันไม่จำเป็นว่าต้องเข้ากันได้ดีแบบ 100 เปอร์เซ็นต์เสมอไป คนที่นิสัยไม่ถูกกันหรือมีไลฟ์สไตล์แตกต่างกันก็สามารถอยู่ในทีมเดียวกันและทำงานร่วมกันแบบมืออาชีพได้ เพื่อที่จะได้ทำให้เกิดผลประโยชน์ที่ดีที่สุดกับต้นสังกัด
สำหรับแฟนบอล แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด นั้น กรณีดังกล่าวอาจจะทำให้นึกถึงเรื่องราวระหว่าง เท็ดดี้ เชอริงแฮม กับ แอนดี้ โคล ขึ้นมาในทันที หลังจากเป็นที่รู้กันดีว่าคู่นี้ไม่กินเส้นกันเท่าไหร่ แต่ความจริงแล้วสมัยเล่นที่ โอลด์ แทร็ฟฟอร์ด มันยังมีอีกคนที่ไม่ชอบใจในตัว เชอริงแฮม เท่าไหร่นัก และคนๆ นั้นก็คือ รอย คีน
คีน กับ เชอริงแฮม ร่วมงานกันที่ แมนฯ ยูไนเต็ด เป็นเวลา 4 ปี ขณะที่ก่อนหน้านั้นพวกเขาก็เคยเป็นเพื่อนร่วมทีมกันสมัยอยู่ น็อตติ้งแฮม ฟอเรสต์ ด้วย นอกจากนี้ทั้ง 2 คนก็ยังมีนิสัยที่ชอบพูดอะไรแบบตรงไปตรงมารวมถึงมีอิทธิพลในห้องแต่งตัวอย่างสูงทั้งคู่อีกต่างหาก
อย่างไรก็ตาม ย้อนกลับไปเมื่อตอนปี 2002 อดีตมิดฟิลด์ชาวไอริชเคยกล่าวผ่านหนังสืออัตชีวประวัติของตัวเองว่าเขาไม่ถูกกับ เชอริงแฮม เท่าไหร่นัก โดยหลักๆ เป็นเพราะมองว่า เชอริงแฮม ใช้ชีวิตแบบดูหรูหราเกินความเหมาะสมนั่นเอง
“เท็ดดี้ มาซ้อมวันแรกที่สโมสรด้วยรถเฟอร์รารี่สีแดงฉูดฉาดเหมือนที่พวกคนในกรุงลอนดอนที่มีความเชื่อมั่นในตัวเองสูงชอบทำกัน บอกเลยว่าเคมีระหว่างเรามันไม่เคยตรงกันเลย”
ในทางตรงกันข้าม ตลอดเวลาที่ผ่านมา เชอริงแฮม ไม่ค่อยพูดถึงความบาดหมางกับ คีน เท่าไหร่นัก แถมเมื่อปี 2019 เขาถึงขั้นเคยยกให้ คีน เป็นหนึ่งใน 2 นักเตะที่เก่งที่สุดเท่าที่เขาเคยร่วมงานด้วยอีกต่างหาก โดยอีกคนหนึ่งคือ พอล แกสคอยน์ อดีตยอดดาวเตะชาวอังกฤษ
กระทั่งล่าสุด เชอริงแฮม ก็เปิดเผยผ่าน 1999: Manchester United, the Treble and All That หนังสืออัตชีวประวัติของตัวเองที่เตรียมจะวางขายในเร็วๆ นี้ว่าครั้งหนึ่ง คีน ถึงขั้นตะโกนใส่เขาแบบไม่มีปี่มีขลุ่ยระหว่างที่ทุกคนกำลังนั่งรถบัสกลับจากตอนเที่ยวกลางคืนจนทำให้คนอื่นๆ ในรถบัสเองก็งงเหมือนกัน
“จู่ๆ คีนี่ ก็พูดขึ้นมาว่า -ทำไม***ไม่ไสหัวกลับลอนดอนไปพร้อมกับรถเฟอร์รารี่สีแดงของ***และบ้านเพนท์เฮาส์ของ***วะ- ตอนนั้นผมอารมณ์ประมาณว่า -ไรนะ ?- แล้วเขาก็พูดอีกว่า -เออ ไสหัวกลับลอนดอนไปซะ-“
แน่นอน ด้วยความที่ เชอริงแฮม ไม่ใช่คนที่ยอมใครง่ายๆ เขาเลยสวนกลับไปเหมือนกัน “ตอนนั้นผมพูดประมาณว่า -แกจะหาเรื่องกับฉันเหรอ คีนี่ ? แกมาหาเรื่องฉันทำไมวะไอ้ไอริช ? แกมีปัญหาอะไรวะ ?- ซึ่งจากนั้นเขาก็พูดประมาณว่า -ห่าเอ๊ย ไอ้รถเฟอร์รารี่แดงงี่เง่า, เพนท์เฮาส์ห่วยแตก-“
อย่างที่รู้กันดีว่าเมื่อบรรยากาศมันดุเดือดแบบนั้นมันก็มีโอกาสที่จะลุกลามจนอาจจะมีการทำร้ายร่างกายกันได้ และ เชอริงแฮม ก็เปิดเผยว่าในคืนนั้นเกือบจะเกิดเรื่องแบบนั้นเช่นกัน “จากนั้นเขาก็โขยกเขยกเข้ามาหาผมในสภาพที่ขายังเจ็บอยู่, ดึงคอเสื้อผมเพื่อดึงผมไปหาเขา ผมปลุกปล้ำกับเขา จากนั้นทุกคนก็อารมณ์ประมาณว่า -เกิดบ้าอะไรขึ้นเนี่ย ?- แล้วแยกเราออกจากกัน”
แม้ว่าคืนนั้นมันจะจบลงแบบไม่มีการชกต่อยกัน แต่มันก็ทำให้ เชอริงแฮม เครียดในระดับหนึ่ง เพราะเขาเชื่อว่าพอถึงเช้าวันต่อมาแล้วนั้น คีน ก็อาจจะหาเรื่องเขาอีก “คืนนั้นผมนอนไม่หลับเลย ผมคิดว่า -มันจะเกิดเรื่องทันทีที่ฉันลงซ้อมแน่ๆ- วันต่อมาผมเจอ รอย ในโรงยิม ดังนั้นผมเลยคิดว่ามันอาจจะเกิดปัญหาอีกครั้ง ผมคิดกับตัวเองเลยว่า -เตรียมตัวให้พร้อมเอาไว้เลย- ตอนนั้นผมเข้าไปในห้องเปลี่ยนเสื้อผ้าโดยที่คิดกับตัวเองว่า -ฉันพร้อมจะรับมือกับเขาแล้ว-“
ท้ายที่สุด คีน ไม่ได้หาเรื่องกับ เชอริงแฮม ต่อ แต่มันก็แลกมากับการที่เขาไม่คุยกับอดีตหัวหอกชาวอังกฤษเป็นเวลานาน “ตอนนั้น คีนี่ ลุกขึ้นมาแล้วเดินออกไปเฉยๆ เขาไม่ได้พูดอะไรกับผมสักคำ ที่จริงเขาไม่ได้พูดอะไรกับผมอีกเลยในอีก 3 ปีครึ่งหลังจากนั้น”
ติดตามข่าว : devepatton.com
|