ตะคริว (Muscle Cramp) คือ การหดเกร็งตัวเป็นก้อนแข็งที่เกิดขึ้นกับกล้ามเนื้อในส่วนต่าง ๆ ของร่างกายอย่างกะทันหัน
ทำให้รู้สึกเจ็บปวด และไม่สามารถรู้ได้ว่าจะเกิดเมื่อใด โดยส่วนใหญ่แล้วจะเกิดขึ้นกับกล้ามเนื้อน่อง กล้ามเนื้อด้านหลังต้นขา
หรือกล้ามเนื้อด้านหน้าต้นขา
อาการของตะคริว
อาการส่วนใหญ่ของตะคริวจะเกิดขึ้นที่ขาโดยเฉพาะที่น่อง นอกจากความเจ็บปวดที่เกิดขึ้นอย่างฉับพลันแล้ว
อาจจะรู้สึกเกร็งกล้ามเนื้อหรือเห็นก้อนแข็ง ๆ เกิดขึ้นใต้ผิวหนัง โดยปกติ เมื่อเป็นตะคริวแล้วจะหายไปได้เอง
และไม่รุนแรงถึงขั้นต้องได้รับการดูแลทางการแพทย์ อย่างไรก็ตาม หากพบอาการเหล่านี้ควรพบแพทย์
เพื่อการวินิจฉัยและรักษาอย่างถูกต้องต่อไป
สาเหตุของการเป็นตะคริวยังไม่เป็นที่แน่ชัด โดยมีทั้งตะคริวประเภทที่เกิดขึ้นเองโดยไม่ทราบสาเหตุและประเภทที่มีสาเหตุร่วมด้วย
ตะคริวประเภทที่เกิดขึ้นเองโดยไม่ทราบสาเหตุ
ถึงแม้ว่าตะคริวชนิดนี้จะไม่ทราบสาเหตุ แต่ก็มีหลายสมมติฐานที่อาจเป็นสาเหตุ ได้แก่
1. การทำงานของประสาทที่ผิดปกติระหว่างนอนหลับ
2. ความตึงเครียดของกล้ามเนื้อที่มากเกินไป เช่น การออกกำลัง อาจทำให้เกิดตะคริวได้ชั่วคราว
3. การยับยั้งของเลือดอย่างฉับพลันที่ไปหล่อเลี้ยงกล้ามเนื้อนั้น ๆ
นอกจากนั้น เส้นเอ็นที่หดตัวลงในผู้สูงอายุอาจทำให้เกิดตะคริวได้ ซึ่งเส้นเอ็นเหล่านี้จะเชื่อมจากกล้ามเนื้อกับกระดูก
โดยหากเส้นเอ็นหดตัวสั้นลงเกินไปก็อาจเป็นสาเหตุที่ทำให้กล้ามเนื้อนั้น ๆ เป็นตะคริว
ตะคริวประเภทที่มีสาเหตุร่วมด้วย
ตะคริวประเภทนี้สามารถระบุสาเหตุของการเป็นตะคริวได้ ได้แก่
1. การออกกำลังกาย ซึ่งตะคริวมักจะเกิดขึ้นขณะที่กำลังพักหลังจากการออกกำลังกาย
2. ภาวะที่เกี่ยวกับระบบประสาท เช่น ปลายประสาทอักเสบ
3. โรคตับ หากตับทำงานได้อย่างไม่ถูกต้อง จะทำให้เกิดสารพิษไปยังกระแสเลือด ซึ่งสามารถทำให้กล้ามเนื้อเกิดการกระตุกหรือหดเกร็งตัว
4. โรคไต อาจทำให้มีเกลือแร่บางชนิดต่ำ และส่งผลให้มีตะคริวได้
5. ภาวะเกลือแร่ในร่างกายต่ำ เช่น แคลเซียม แมกนีเซียม
6. โรคที่ทำให้มีภาวะแคลเซียมต่ำ เช่น บกพร่องฮอร์โมนพาราไทรอยด์
7. การติดเชื้อ เกิดจาดการติดเชื้อแบคทีเรียบางชนิด เช่น บาดทะยัก (Tetanus) ซึ่งทำให้เกิดตะคริวและการหดเกร็งของกล้ามเนื้อ
8. ในบางรายที่มีสารพิษ (Poisonous) ในเลือด เช่น ตะกั่วหรือปรอท
9. ในบางรายที่มีภาวะขาดน้ำก็สามารถกระตุ้นให้กล้ามเนื้อเป็นตะคริวได้
10. ยาบางชนิดสามารถทำให้เกิดตะคริวได้ในบางราย ได้แก่
– ยาขับปัสสาวะ (Diuretics) ซึ่งจะขับของเหลวออกจากร่างกายและใช้เพื่อรักษาโรคหรือภาวะต่าง ๆ เช่น ความดันโลหิตสูง
หัวใจวายและโรคเกี่ยวกับไตบางประเภท
– กลุ่มยาสแตติน (Statins) ใช้รักษาผู้ที่มีคอเลสเตอรอลในเลือดสูง
– ยากรดนิโคตินิก (Nicotinic Acid) รักษาผู้ที่มีคอเลสเตอรอลสูง
– ยาราโลซิฟีน (Raloxifene) ใช้ในการป้องกันโรคกระดูกพรุนในผู้หญิงวัยทอง
– ยาไนเฟดิปีน (Nifedipine) ที่ใช้ในการรักษาอาการเจ็บหน้าอก (Angina) หรือโรคโรคเรเนาด์ (Raynaud’s Phenomenon)
ปัจจัยที่เพิ่มความเสี่ยงในการเป็นตะคริว ได้แก่
1. อายุ ผู้สูงอายุที่เสียมวลกล้ามเนื้อไปมากแล้ว กล้ามเนื้อที่เหลือสามารถเกิดความตึงเครียดได้ง่าย
2. การเสียน้ำของร่างกาย นักกีฬาที่อ่อนล้าและเสียเหงื่อมาก ซึ่งเล่นกีฬาในที่ที่มีอากาศร้อนมักจะเกิดตะคริวได้ง่าย
3. การตั้งครรภ์ การเกิดตะคริวจะพบได้บ่อยในหญิงที่กำลังตั้งครรภื
4. โรคประจำตัวหรือภาวะทางการแพทย์ ผู้ที่เป็นโรคเบาหวาน โรคเกี่ยวกับเส้นประสาท โรคตับหรือไทรอยด์ มีโอกาสสูงที่จะเกิดตะคริวได้
การรักษาตะคริว
โดยปกติ ผู้ที่เป็นตะคริวสามารถรักษาอาการได้ด้วยตัวเอง เช่น การประคบร้อนประคบเย็นเพื่อบรรเทาความเจ็บปวดบริเวณกล้ามเนื้อที่เจ็บ
หดเกร็ง หรือกล้ามเนื้อกระตุก ซึ่งสามารถใช้ผ้าร้อน แผ่นทำความร้อน ผ้าเย็นหรือน้ำแข็งประคบ
นอกจากนี้ ผู้ที่เป็นตะคริวสามารถรักษาได้ด้วยการบริหารร่างกาย ซึ่งมี 2 ประเภท คือ
การบริหารขณะที่เกิดตะคริวเพื่อบรรเทาความเจ็บและหยุดตะคริว
การยืดเส้นหรือการนวดที่กล้ามเนื้อที่เกิดตะคริว เช่น การเหยียดเท้าไปด้านหน้าและยกเท้าขึ้นแล้วดัดข้อเท้าให้นิ้วเท้าเข้ามาทางหน้าแข้ง
และใช้ส้นเท้าเดินไปรอบ ๆ โดยใช้เวลาเพียงไม่กี่นาที
การบริหารเพื่อป้องกันการเกิดตะคริว
การบริหารเพื่อลดโอกาสเป็นตะคริว ควรบริหารร่างกายเพื่อยืดกล้ามเนื้อวันละ 3 ครั้ง เช่น หากมักเป็นตะคริวที่น่อง ให้ยืนห่างจากกำแพง 1 เมตร
เอนตัวไปข้างหน้าให้มือแตะโดนกำแพง โดยวางเท้าให้แบนราบไปกะพื้น ทำค้างไว้ประมาณ 5 วินาที ทำไปเรื่อย ๆ ให้ครบ 5 นาที
เพื่อให้ได้ผลที่ดีที่สุดควรทำให้ได้วันละ 3 ครั้ง
การป้องกันตะคริว
วิธีที่จะช่วยป้องกันการเกิดตะคริวได้ง่ายที่สุด คือหลีกเลี่ยงการออกกำลังกายจนทำให้เกิดการตึงของกล้ามเนื้อมาก ๆ
นอกจากนั้น ยังมีวิธีต่าง ๆ ที่ช่วยป้องกันการเกิดตะคริวได้ ดังนี้
1. ดื่มน้ำให้มากพอในแต่ละวัน อย่าให้ร่างกายขาดน้ำ โดยเฉพาะเวลาออกกำลังกาย
2. จำกัดการดื่มหรือหลีกเลี่ยงการดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์
3. รับประทานอาหารที่ดีต่อสุขภาพที่อุดมไปด้วยแคลเซียม โปแตสเซียมและแมกนีเซียม (โดยเฉพาะผู้ที่ตั้งครรภ์)
4. ยืดและเตรียมกล้ามเนื้อก่อนการเล่นกีฬาและการออกกำลังกายต่าง ๆ
5. ไม่ควรออกกำลังกายทันทีหลังจากเพิ่งรับประทานอาหารเสร็จใหม่ ๆ
6. ลดปริมาณการรับประทานอาหารและเครื่องดื่มที่มีส่วนผสมของคาเฟอีน เช่น กาแฟและช็อกโกแลต
7. นอกจากนั้น ยังสามารถปรึกษาแพทย์ในการรับประทานอาหารเสริมหรือวิตามินเพื่อให้ร่างกายได้รับสารอาหารที่จำเป็น
ก็เป็นอีกทางหนึ่งที่จะป้องกันไม่ให้เกิดตะคริวได้
https://thaigoodherbal.com/%e0%b8%95%e0%b8%b0%e0%b8%84%e0%b8%a3%e0%b8%b4%e0%b8%a7-muscle-cramp-%e0%b9%80%e0%b8%81%e0%b8%b4%e0%b8%94%e0%b8%88%e0%b8%b2%e0%b8%81%e0%b8%ad%e0%b8%b0%e0%b9%84%e0%b8%a3-%e0%b8%9b%e0%b9%89%e0%b8%ad/
|