[x] ปิดหน้าต่างนี้
Powered by ATOMYMAXSITE 2.5
วิทยาลัยเทคโนโลยีโซ่พิสัย
เมนูหลัก
หน่วยงานในวิทยาลัย
ข้อมูลพื้นฐานวิทยาลัย
งานนโยบายและแผนฯ
ระบบสมาชิก
Username :
Password :
[ สมัครสมาชิก ] | [ ลืมรหัสผ่าน ]
สมาชิกทั้งหมด 84 คน
สมาชิกที่กำลังออนไลน์ 0 คน
หน่วยงานต่างๆ
poll

   คุณคิดว่าเวปนี้เป็นอย่างไร


  1. ดีมาก
  2. ดี
  3. ปานกลาง
  4. แย่
  5. แย่มาก



 

  

   เว็บบอร์ด >> ห้องนั่งเล่น >>
ไขคำตอบ "ฝีดาษลิง" เหตุใด "ตุ่ม" จึงขึ้นบริเวณอวัยวะเพศ  VIEW : 313    
โดย บีน่า

UID : ไม่มีข้อมูล
โพสแล้ว : 5
ตอบแล้ว :
เพศ :
ระดับ : 1
Exp : 100%
เข้าระบบ :
ออฟไลน์ :
IP : 49.228.238.xxx

 
เมื่อ : อาทิตย์ ที่ 7 เดือน สิงหาคม พ.ศ.2565 เวลา 15:59:55    ปักหมุดและแบ่งปัน

กรมควบคุมโรค ชี้ผู้ป่วยฝีดาษลิงในไทย 4 คนส่วนใหญ่อาการไม่รุนแรงหายเองระยะ 2-4 สัปดาห์ ความเสี่ยงติดจากการสัมผัสรอยโรคผิวหนัง เช่น ผื่น ตุ่มหนอง สารคัดหลั่ง "หมอยง" ไขคำตอบเหตุใดตุ่มจึงต้องขึ้นบริเวณอวัยวะเพศ ชี้โรคกระจายในผู้หญิงอนาคตอาจควบคุมยาก

วันนี้ (7 ส.ค.2565) นพ.โสภณ เอี่ยมศิริถาวร รองอธิบดีกรมควบคุมโรค กระทรวงสาธารณสุข สถานการณ์โรคฝีดาษวานร หรือฝีดาษลิงในไทยพบผู้ป่วย 4 คน เป็นชาวต่างชาติ 2 คน และสัญชาติไทย 2 ราย

จากการเฝ้าระวังติดตามอาการผู้ป่วย พบอาการป่วยไม่รุนแรง แม้ยังไม่มียารักษาเฉพาะ โรคนี้สามารถหายได้เองในระยะ 2-4 สัปดาห์ โดยให้ยารักษาตามอาการ

โรคฝีดาษลิงไม่ได้ติดต่อกันได้ง่ายๆ ความเสี่ยงที่จะติดโรค ส่วนใหญ่มาจากการสัมผัสรอยโรคผิวหนัง เช่น ผื่น ตุ่มหนอง สารคัดหลั่ง หรือสัมผัสใกล้ชิดมากๆ กับผู้ป่วย หรือบาดแผลของผู้ป่วย รวมทั้งการติดต่อผ่านทางละอองทางเดินหายใจจากการอยู่ใกล้ชิดกับผู้ป่วย เช่น หน้าแนบหน้า 

ชี้วัคซีนฝีดาษลิงให้ 2 กลุ่มเสี่ยงรับเชื้อ

นพ.โสภณ กล่าวอีกว่า สำหรับการป้องกันควบคุมโรคองค์การอนามัยโลก (WHO) แนะนำให้ใช้วัคซีนป้องกันโรคในกลุ่มที่จำเป็น เช่น บุคลากรทางการแพทย์ด่านหน้า

สิ่งที่สำคัญอันดับแรก คือ การป้องกันโรคโดยไม่สัมผัสใกล้ชิดกับผู้ป่วย งดเพศสัมพันธ์กับคนแปลกหน้า หรือไม่ใช้สิ่งของร่วมกับผู้อื่น และล้างมือบ่อยๆ เพื่อป้องกันติดเชื้อจะเป็นการดีที่สุด

โดยการพัฒนาวัคซีนรุ่นใหม่ ๆ ต้องติดตามข้อมูลผลข้างเคียงและประสิทธิภาพของวัคซีนเมื่อใช้จริงในประชากร

ไทยได้สั่งจองวัคซีนป้องกันฝีดาษลิงแล้ว คาดว่าจะนำเข้ามาปลายเดือนหลัง ส.ค.นี้ ซึ่งคณะอนุกรรมการสร้างเสริมภูมิคุ้มกันโรค ได้ประชุมหารือ กำหนดกลุ่มเป้าหมายที่จะรับวัคซีนเบื้องต้น

แบ่งเป็น 2 กลุ่ม คือ 1.กลุ่มก่อนการสัมผัสเชื้อ ได้แก่ กลุ่มบุคลากรทางการแพทย์ที่มีความเสี่ยงติดเชื้อ เช่น ดูแลผู้ป่วยใกล้ชิด หรือเจ้าหน้าที่ห้องปฏิบัติการ และ 2.กลุ่ม Post-exposure คือฉีดวัคซีนให้กลุ่มเสี่ยงหลังสัมผัสโรคไม่เกิน 14 วัน ซึ่งหากฉีดเร็วจะมีโอกาสป้องกันการติดเชื้อเพิ่มขึ้น 





วิทยาลัยเทคโนโลยีโซ่พิสัย
237 หมุู่ 8 ต.คำแก้ว อ.โซ่พิสัย จ.บึงกาฬ 38170 โทรศัพท์ 042-086002 โทรสาร 042-086002