ยังคงเป็นประเด็นที่ทำให้หลายชาติไม่พอใจกับผลการตัดสินสำหรับการแข่งขันกีฬามวยสากลสมัครเล่น ในโอลิมปิกเกมส์ 2020 ที่กรุงโตเกียว ประเทศญี่ปุ่น ซึ่งแม้ในครั้งนี้จะมีการยุติบทบาทของ สหพันธ์มวยสากลสมัครเล่นนานาชาติ (ไอบ้า) ในการเข้าร่วมจัดการแข่งขันแล้วก็ตาม
แต่ล่าสุดได้มีการประท้วงจาก มูรัด อาลีเยฟ นักมวยทีมชาติฝรั่งเศส ที่ไม่ยอมรับผลการแข่งขัน ก่อนตัดสินใจนั่งอยู่บนเวทีนานถึง 30 นาที เพื่อเป็นการประท้วงเชิงสัญลักษณ์ หลังเจ้าตัวถูกปรับแพ้ฟาวล์ด้วยข้อหาเจตนาเอาหัวโขกคู่ต่อสู้
โดยจังหวะดังกล่าวเกิดขึ้นในการแข่งขันมวยสากลสมัครเล่น รุ่นซูเปอร์เฮฟวี่เวต (พิกัด 91 กิโลกรัมขึ้นไป) รอบ 8 คนสุดท้าย ระหว่าง เฟรเซอร์ คลาร์ก นักชกชาวสหราชอาณาจักร กับ มูรัด อาลีเยฟ นักมวยชาวฝรั่งเศส
ซึ่งเกมการแข่งขันดำเนินไปอย่างดุเดือดกำปั้นทั้งคู่เปิดฉากแลกหมัดกันชนิดไม่มีใครยอมใคร อย่างไรก็ตามในช่วงยกที่ 2 มูรัด อาลีเยฟ ที่พยายามเข้าคลุกวงในดันพลาดหัวไปโขกกับคู่ชกจนทำให้ เฟรเซอร์ คลาร์ก มีแผลแตกที่หางคิวซ้าย
ทำให้กรรมการจะตัดสินใจยุติการชก และปรับให้ มูรัด อาลีเยฟ แพ้ฟาวล์ทันที สร้างความงุนงงให้กับเจ้าตัวเป็นอย่างมาก ก่อนที่ กำปั้นชาวฝรั่งเศส จะสติแตกระเบิดอารมณ์ด้วยการทุบกล้องถ่ายทอดสด และมีปัญหากับการ์ดสนามถึงขั้นลงไม้ลงมือกัน แม้สถานการณ์จะคลี่คลายแต่ตัวของนักชกแดนน้ำหอมไม่ยอมรับผลการตัดสินด้วยการนั่งอยู่บนเวทีนาน 30 นาที ก่อนที่ท้ายสุดเหตุการณ์จะสงบลง
"ผมไม่ได้ตั้งใจที่จะใช้หัวโขกเขา ดังนั้นผมจึงไม่ควรถูกปรับแพ้แบบนี้ ผมเตรียมตัวมาอย่างยาวนานสำหรับการแข่งขันโอลิมปิกที่ 4 ปีมีครั้ง แต่ทำไมผมต้องมาเจอกับการตัดสินแบบนี้"
"ผมไม่เสียใจที่ผมทำการประท้วงแบบนี้ แม้หลายคนอาจบอกว่ามันดูรุนแรง แต่นี่คือการแสดงอารมณ์ผิดหวังสำหรับผม ฝันของผมพังทลายไปแล้ว ผมควรจะได้รับการเตือนจากกรรมการ ไม่ใช่มาปรับผมแพ้แบบนี้ คะแนนของผมนำขนาดนั้น ฉะนั้นมันคิดเป็นอื่นไปไม่ได้เลยนอกจากพวกเขาโกงผมในการชกครั้งนี้" อาลีฟ เปิดใจผ่านสื่อ
ติดตามข่าวสารความเคลื่อนไหวแวดวงกีฬา เทรนใหม่ๆ ได้ที่
cherylgrieve.com
|