การแข่งขัน ฟุตบอล ยูโร 2020 โคจรมาถึงรอบชิงชนะเลิศ โดยจะเป็นการพบกันระหว่าง "อัซซูร์รี่" อิตาลี กับ "สิงโตคำราม" อังกฤษ ที่สนามเวมบลีย์, กรุงลอนดอน ก่อนเกมใครเหนือใครไปดูกัน
1. พรีวิว อิตาลี พบ อังกฤษ
อิตาลี ตื่นจากสถานะยักษ์หลับหลังจากผ่านพ้นยุคมืดนับตั้งแต่ร่วงตกรอบทัวร์นาเมนต์ระดับเมเจอร์อย่าง ฟุตบอลโลก เมื่อปี 2018 พลพรรค อัซซูรี ภายใต้การคุมทัพของ โรแบร์โต้ มันชินี ยกเครื่องใหม่กลายเป็นทีมที่เล่นเกมรุกได้อย่างน่าตื่นตาตื่นใจโดยมีรากฐานการดีเอ็นเอเกมรับที่เหนียวแน่น
พวกเขาผ่านรอบแบ่งกลุ่มโดยไม่เสียแม้สัก 1 ประตูให้กับเพื่อนร่วมกลุ่มอย่าง ตุรกี, สวิตเซอร์แลนด์ และ เวลส์ ก่อนจะขโยกผ่าน ออสเตรีย กับ เบลเยียม ด้วยสกอร์ 2-1 เท่ากัน และรากเลือดในการดวลลูกจุดโทษกับ สเปน หลังเสมอกันในเวลา 120 นาที 1-1 ยืดสถิติไร้พ่ายติดต่อกัน 33 นัดเข้าไปแล้ว ทั้งนี้ ความสำเร็จระดับเมเจอร์ครั้งล่าสุดของพวกเขาคือแชมป์ ฟุตบอลโลก 2006 และยังมีศักดิ์ศรีเป็นแชมป์ ยูโร 1 สมัย
ขณะที่ อังกฤษ ภายใต้การคุมทัพของ แกเร็ธ เซาธ์เกต ฮึกเหิมอย่างเต็มที่ท่ามกลางเสียงเพลง ฟุตบอลส์ คัมมิง โฮม ที่ดังกึกก้อง โดยนับเป็นการเข้าใกล้แชมป์ระดับเมเจอร์เป็นครั้งแรกนับตั้งแต่การคว้าแชมป์ ฟุตบอลโลก 1966
แม้ทัพ สิงโตคำราม จะมีทรัพยากรแนวรุกระดับพระกาฬแต่เช่นเดียวกับ อิตาลี ที่รูปแบบการเล่นของพวกเขามีรากฐานมาจากเกมรับที่แน่นหนาโดยจนถึงตอนนี้ ทรีไลอ้อนส์ เพิ่งจะเสียไปเพียง 1 ประตูในเกมกับ เดนมาร์ก เท่านั้น
2. ความพร้อมล่าสุดทีมชาติ อิตาลี
เลโอนาร์โด้ สปินาซโซลา แบ็คซ้ายฟอร์มฮ็อตปิดฉาก ยูโร 2020 ไปเป็นที่เรียบร้อยจากอาการบาดเจ็บที่เอ็นร้อยหวายตั้งแต่เกมรอบก่อนรองชนะเลิศกับ เบลเยียม โดยคาดการณ์ว่า เอเมอร์สัน พัลมิเอรี จะลงทำหน้าที่แทนประสานงานร่วมกับ จอร์โจ คิเอลลินี, เลโอนาโด้ โบนุชชี และ จิโอวานี ดิ ลอเรนโซ ในแผงแบ็คโฟร์หน้า จานลุยจิ ดอนนารุมมา
มาร์โก้ แวร์รัตติ เคยแสดงให้เห็นแล้วว่าเขาได้รับความเชื่อมั่นจาก มันชินี เมื่อกลับมาฟิตเต็มถึงแม้ว่า มานูเอล โลคาเตลลี จะฟอร์มร้อนแรงในช่วงหลังก็ตาม โดยมิดฟิลด์จาก ปารีส แซงต์-แชร์กแมง จะเล่นร่วมกับ จอร์จินโญ และ นิโคโล บาเรลลา ที่แดนกลาง
อันเดรีย เบลอตติ ไม่สามารถงัดผลงานที่น่าประทับใจได้ในฐานะตัวสำรองตลอดทัวร์นาเมนต์นี้และคาดว่า ชิโร อิมโมบิเล จะสามารถรักษาตำแหน่งตัวจริงในนัดชิงชนะเลิศได้ประสานงานร่วมกับ ลอเรนโซ อินซินเญ และ เฟเดริโก้ คิเอซา
3. ความพร้อมทีมชาติอังกฤษ
แกเร็ธ เซาธ์เกต ต้องทำการบ้านอย่างหนักถึงรูปแบบการเล่นที่จะใช้รับมือกับ อิตาลี โดยมี 4-2-3-1 และ 3-5-2/3-4-3 เป็นทางแยกโดยมีตัวเลือกอย่าง คีแรน ทริปเปียร์ ที่พร้อมจะทำหน้าที่ในบทบาทวิงแบ็คและหุบเอา ไคล์ วอล์คเกอร์ เข้าไปเป็น 1 ใน 3 ปราการหลังตัวกลางร่วมกับ จอห์น สโตนส์ และ แฮร์รี แม็คไกวร์ ขณะที่ ลุค ชอว์ จะได้ออกสตาร์ที่ตำแหน่งวิงแบ็คฝั่งซ้ายเพื่อรับมือกับ เฟเดริโก้ คิเอซา
กลางสนามจะยังคงเป้น ดีแคลน ไรซ์ ทำหน้าที่ร่วมกับ คาลวิน ฟิลลิปส์ เช่นเคย
บูคาโย ซาก้า พิสูจน์ให้เห็นแล้วว่าเขามีความสมดุลทั้งในเกมรับและเกมรุกมากกว่าตัวเลือกอย่าง เจดอน ซานโช, ฟิล โฟเด้น และ แจ็ค กรีลิช ทำให้คาดการณ์ได้ว่าวันเดอร์คิดจาก อาร์เซนอล จะได้ลงเล่นร่วมกับ ราฮีม สเตอร์ลิง และ แฮร์รี เคน ที่แดนบน
4. คาดการณ์ความเป็นไปของเกม
อิตาลี ดูจะขาดอาวุธหนักเมื่อทีเด็ดจากการโอเวอร์แล็ปของ เอเมอร์สัน ไม่อาจเทียบเท่า สปินาซโซลา ได้ขณะที่แนวรุกอันคล่องแคล่วของ อังกฤษ อย่าง สเตอร์ลิง กับ ซาก้า จะได้ดวลจังหวะอย่างถึงพริกถึงขิงกับ คิเอลลีนี และ โบนุชชี
นอกจาก 11 ตัวจริงที่แข็งแกร่งแล้วทั้ง 2 ทีมยังมีทรัพยากรบนม้านั่งสำรองที่สามารถพลิกเกมได้อย่าง มานูเอล โลคาเตลลี หรือ มัตเตโอ เปสซินา ของทัพ อัซซูรี ซึ่งโดดเด่นในการทะยานเติมเกมจากแดนกลางสู่กรอบเขตโทษ กระทั่ง โดเมนิโก้ เบร์ราร์ดี้ ซึ่งวูบวาบที่ริมเส้น
ซุ้มม้านั่งสำรองของ สิงโตคำราม ยังมีไพ่ตายอย่าง แจ็ค กรีลิช, เจดอน ซานโช กระทั่ง เมสัน เมาท์ หรือ มาร์คัส แรชฟอร์ด ที่รอคอยโอกาส
เกมที่เต็มไปด้วยความกดดันอย่างนัดชิงชนะเลิศจะถูกขับเคลื่อนและตัดสินด้วยความผิดพลาดเพียงเล็กน้อย ซึ่งนั่นหมายถึงการที่ขงเบ้งของอีกฝ่ายจะส่งไพ่ตายเพื่อลงมาเปลี่ยนโมเมนตัมของเกม
มีความเป็นไปได้สูงที่เวลา 90 หรือ 120 นาทีจะไม่อาจบ่งชี้ผู้ชนะได้
ติดตามข่าวสารความเคลื่อนไหวแวดวงกีฬา เทรนใหม่ๆ ได้ที่
austinwebwizards.com
|