ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ของสหรัฐอเมริกาได้สร้างความตกตะลึงให้กับทั่วโลกอีกครั้ง 123bet หลังจากเมื่อวานนี้ (1 พ.ย. 2568) เขาได้โพสต์ข้อความลงบนแพลตฟอร์มทรูธโซเชียลของเขาว่า ได้สั่งการให้กระทรวงกลาโหม หรือ กระทรวงสงคราม เตรียมพร้อมสำหรับปฏิบัติการทางทหารที่รวดเร็วต่อไนจีเรีย ขณะเดียวกันก็บอกว่า ตอนนี้ รัฐบาลสหรัฐฯ ได้ยุติความช่วยเหลือและการสนับสนุนทั้งหมดแก่ประเทศแห่งนี้ ซึ่งมีประชากรมากที่สุดในทวีปแอฟริกาและเป็นผู้ผลิตน้ำมันรายใหญ่แล้วผู้นำสหรัฐฯ ย้ำว่า หากสหรัฐฯ ส่งกำลังทหารเข้าไป ก็จะเข้าไปแบบ บุกแหลกเต็มกำลัง เพื่อกวาดล้างผู้ก่อการร้ายอิสลามที่ก่ออาชญากรรมโหดร้ายทารุณให้สิ้นซาก โดยประธานาธิบดีทรัมป์ให้เหตุผลว่า รัฐบาลไนจีเรียล้มเหลวในการปกป้องชาวคริสต์จากการถูกสังหารอย่างโหดเหี้ยมโดยกลุ่มอิสลามหัวรุนแรง โดยมีผู้ถูกสังหารแล้วหลายพันคน แต่ก็ไม่ได้แสดงหลักฐานใดๆ ประกอบคำกล่าวอ้าง นอกจากนี้ เขายังเรียกไนจีเรียว่าเป็นประเทศที่เสื่อมเสียด้วยคำขู่นี้ได้รับการตอกย้ำจาก นายพีท เฮกเซธ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหมสหรัฐฯ ที่โพสต์ข้อความว่า กระทรวงสงครามกำลังเตรียมพร้อมสำหรับปฏิบัติการ รัฐบาลไนจีเรียต้องปกป้องชาวคริสต์ ไม่เช่นนั้น เราจะจัดการกับผู้ก่อการร้ายเอง
ทั้งนี้ ท่าทีแข็งกร้าวของสหรัฐฯ 123bet มีขึ้นเพียงหนึ่งวันหลังจากรัฐบาลของประธานาธิบดีทรัมป์ได้นำไนจีเรียกลับเข้าสู่บัญชีดำ ประเทศที่น่ากังวลเป็นพิเศษ ซึ่งเป็นบัญชีรายชื่อประเทศที่สหรัฐฯ ระบุว่ามีการละเมิดเสรีภาพทางศาสนา หลังจากที่รัฐบาลชุดก่อนของอดีตประธานาธิบดีโจ ไบเดน ได้ถอดชื่อออกไป โดยประเทศอื่นที่อยู่ในบัญชีนี้ก็มีทั้ง จีน เมียนมา เกาหลีเหนือ รัสเซีย และปากีสถานด้านรัฐบาลไนจีเรียได้ออกมาตอบโต้ทันควัน โดยประธานาธิบดีโบลา อาเหม็ด ตินูบู ยืนยันว่าข้อกล่าวหาดังกล่าวไม่เป็นความจริง และรัฐบาลของเขาให้การคุ้มครองพลเมืองทุกศาสนาตามรัฐธรรมนูญ พร้อมย้ำว่าความหลากหลายคือจุดแข็งที่ยิ่งใหญ่ที่สุดของชาติขณะที่กระทรวงการต่างประเทศของไนจีเรีย ก็ได้ออกแถลงการณ์แยก โดยให้คำมั่นว่าจะต่อสู้กับกลุ่มหัวรุนแรงต่อไป และหวังว่าสหรัฐฯ จะยังคงเป็นพันธมิตรที่ใกล้ชิดกระทรวงการต่างประเทศไนจีเรียยังย้ำว่า จะปกป้องพลเมืองทุกคน โดยไม่คำนึงถึงเชื้อชาติ ความเชื่อ หรือศาสนา เช่นเดียวกับสหรัฐอเมริกาทั้งนี้ ไนจีเรีย เป็นประเทศที่มีกลุ่มชาติพันธุ์กว่า 200 กลุ่ม ที่นับถือศาสนาคริสต์ อิสลาม และศาสนาดั้งเดิมในท้องถิ่น แม้ในอดีตจะมีประวัติศาสตร์ของการอยู่ร่วมกันอย่างสันติ แต่ก็เคยเกิดเหตุความรุนแรงระหว่างกลุ่มต่างๆ อยู่บ้าง จากปัญหาเรื่องทรัพยากรโดยเฉพาะอย่างยิ่งการก่อการร้ายจากกลุ่มติดอาวุธหัวรุนแรงที่ชื่อว่า โบโกฮาราม (Boko Haram) ที่คร่าชีวิตผู้คนไปแล้วหลายหมื่นคน แต่ผู้เชี่ยวชาญด้านสิทธิมนุษยชนชี้ว่าเหยื่อส่วนใหญ่ของกลุ่มนี้เป็นชาวมุสลิมด้วยกันเอง
|