ฉีดฟิลเลอร์ใต้ตา วิธีแก้ปัญหาตาคล้ำและลึกโบ๋ให้ดูสดใส
ปัญหาใต้ตาที่พบบ่อยและสาเหตุ
บริเวณรอบดวงตาเป็นจุดที่บอบบางและมีแนวโน้มเกิดริ้วรอย ความหมองคล้ำ หรือความลึกโบ๋ได้ง่าย ซึ่งเป็นสาเหตุให้ใบหน้าดูโทรมและแก่กว่าวัย การ ฉีดฟิลเลอร์ใต้ตา เป็นวิธีที่ช่วยเติมเต็มร่องลึก ทำให้ใบหน้าดูสดใสขึ้นโดยไม่ต้องผ่าตัด
สาเหตุหลักที่ทำให้ใต้ตาหมองคล้ำ
อายุที่เพิ่มขึ้น – คอลลาเจนและไขมันใต้ตาลดลง ทำให้เกิดรอยลึก
กรรมพันธุ์ – บางคนมีโครงสร้างกระดูกใต้ตาลึกมาตั้งแต่เกิด
พฤติกรรมการใช้ชีวิต – การนอนดึก ขาดน้ำ หรือรับประทานอาหารที่มีโซเดียมสูง ทำให้ผิวใต้ตาหมองคล้ำและบวม
การไหลเวียนเลือดไม่ดี – ทำให้เส้นเลือดบริเวณใต้ตาเห็นชัดขึ้น ส่งผลให้ดูคล้ำกว่าปกติ
ฟิลเลอร์ใต้ตาทำงานอย่างไร
การใช้สารเติมเต็มในบริเวณนี้ช่วยปรับโครงสร้างผิว ลดร่องลึก และทำให้ผิวดูอิ่มน้ำมากขึ้น โดยสารที่นิยมใช้คือ Hyaluronic Acid (HA) ซึ่งมีคุณสมบัติช่วยกักเก็บความชุ่มชื้น และกระตุ้นการสร้างคอลลาเจน
ข้อดีของการเติมฟิลเลอร์บริเวณใต้ตา
ให้ผลลัพธ์ทันที – เห็นความเปลี่ยนแปลงหลังทำเสร็จ
ไม่ต้องพักฟื้นนาน – ไม่มีแผลผ่าตัด สามารถใช้ชีวิตตามปกติได้ทันที
ลดรอยหมองคล้ำ – ทำให้ผิวบริเวณใต้ตาสว่างขึ้น
ช่วยให้ใบหน้าดูอ่อนเยาว์ – ฟื้นฟูผิวให้ดูสดชื่นและอิ่มน้ำ
ชนิดของฟิลเลอร์ที่นิยมใช้
ประเภทฟิลเลอร์ คุณสมบัติ ระยะเวลาคงอยู่ Hyaluronic Acid (HA) ให้ความชุ่มชื้นและฟื้นฟูผิว 6-18 เดือน Calcium Hydroxylapatite (CaHA) กระตุ้นการสร้างคอลลาเจน 12-24 เดือน Poly-L-lactic Acid (PLLA) กระตุ้นผิวให้ฟื้นฟูตัวเอง 2 ปีขึ้นไป
การดูแลหลังฉีดเพื่อให้ผลลัพธ์อยู่ได้นาน
หลีกเลี่ยงความร้อนจัด – ไม่ควรเข้าซาวน่าหรืออาบน้ำอุ่นในช่วง 48 ชั่วโมงแรก
งดการกดหรือถูบริเวณใต้ตา – เพื่อป้องกันฟิลเลอร์เคลื่อนที่ผิดตำแหน่ง
ดื่มน้ำมากๆ – เพื่อให้ฟิลเลอร์กักเก็บน้ำได้ดีขึ้น
นอนยกศีรษะสูง – ลดอาการบวมและช่วยให้ฟิลเลอร์เซ็ตตัวในตำแหน่งที่เหมาะสม
สรุป
การเติมฟิลเลอร์บริเวณใต้ตาเป็นวิธีที่ช่วยแก้ปัญหาร่องลึกและความหมองคล้ำได้อย่างมีประสิทธิภาพ แต่ควรเลือกฉีดกับผู้เชี่ยวชาญและปฏิบัติตามคำแนะนำหลังทำอย่างเคร่งครัด เพื่อให้ได้ผลลัพธ์ที่เป็นธรรมชาติและปลอดภัย

|