1. ระยะเวลาการชำระเงิน
เทอม: มีการกำหนดระยะเวลาในการชำระเงินที่ชัดเจนและมักจะมีระยะเวลาที่ยืดหยุ่น เช่น 30, 60 หรือ 90 วัน ขึ้นอยู่กับข้อตกลงระหว่างผู้ซื้อและผู้ขาย
ปกติ: มักจะเป็นการชำระเงินที่ทันทีหรือในช่วงเวลาสั้นๆ ซึ่งอาจไม่มีความยืดหยุ่นเหมือนเครดิตเทอม
2. ความสัมพันธ์ทางการค้า
เทอม: สะท้อนถึงความไว้วางใจระหว่างผู้ซื้อและผู้ขาย ซึ่งมักใช้ในธุรกิจที่มีความสัมพันธ์ทางการค้าที่ยาวนาน เช่น บริษัทผลิตและซัพพลายเออร์
ปกติ: มักจะใช้ในธุรกิจที่มีการทำธุรกรรมที่ไม่ต่อเนื่องและไม่มีความสัมพันธ์ระยะยาว
3. ผลกระทบต่อกระแสเงินสด
เทอม: ช่วยให้ผู้ซื้อสามารถจัดการกระแสเงินสดได้ดีขึ้น เนื่องจากมีเวลาในการชำระเงินมากขึ้น ซึ่งสามารถช่วยในการลงทุนในโครงการอื่นๆ ได้
ปกติ: อาจทำให้ผู้ซื้อเผชิญกับความกดดันทางการเงิน เนื่องจากต้องชำระเงินในทันที
4. อัตราดอกเบี้ย
เทอม: อาจไม่มีอัตราดอกเบี้ยหากชำระเงินภายในระยะเวลาที่กำหนด แต่หากไม่ชำระตามเวลาที่กำหนด อาจมีค่าธรรมเนียมเพิ่มเติมหรือดอกเบี้ย
ปกติ: มักจะมีการคิดดอกเบี้ยสูงกว่าหรือค่าธรรมเนียมทันที
5. การบันทึกบัญชี
เทอม: จะมีการบันทึกบัญชีที่ซับซ้อนขึ้น เนื่องจากต้องมีการติดตามการชำระเงินที่เกิดขึ้นในอนาคต
ปกติ: บันทึกบัญชีจะง่ายขึ้น เนื่องจากการชำระเงินเกิดขึ้นทันที
ข้อดี
ช่วยลดความเสี่ยงทางการเงิน: ผู้ซื้อสามารถจัดการกระแสเงินสดได้ดีขึ้น และไม่ต้องกังวลเกี่ยวกับการชำระเงินในระยะสั้น
เพิ่มโอกาสในการซื้อ: ผู้ซื้อสามารถซื้อสินค้าหรือบริการในปริมาณที่มากขึ้นโดยไม่ต้องจ่ายเงินทั้งหมดในทันที
สร้างความสัมพันธ์ที่ดีกับผู้ขาย: การมีเครดิตเทอมที่ดีช่วยสร้างความไว้วางใจระหว่างผู้ซื้อและผู้ขาย
|