คาร์โล อันเชลอตติ ผู้จัดการทีมเอฟเวอร์ตัน นำทัพ "ทอฟฟี่สีน้ำเงิน" บุกชนะ ท็อตแน่ม ฮ็อทสเปอร์ 1-0 ในเกมพรีเมียร์ลีก นัดเปิดฤดูกาล เมื่อวันอาทิตย์ที่ 13 กันยายนที่ผ่านมา ในขณะที่ โชเซ่ มูรินโญ่ ต้องเสียสถิติเมื่อแพ้นัดเปิดซีซั่นครั้งแรกนับตั้งแต่ทำงานเป็นกุนซือ
ประตูชัยในเกมนี้เกิดขึ้นช่วงครึ่งหลังจากจังหวะที่ ลูก้าส์ ดีญ เปิดฟรีคิกโค้งไปหน้าประตูให้ โดมินิก คัลเวิร์ท-เลวิน ทะยานขึ้นโขกเข้าไปตุงตาข่าย โดยในแมตช์นี้ 3 นักเตะใหม่ของทีมเยือนโชว์ฟอร์มได้อย่างสุดยอด ขณะที่แข้งใหม่ สเปอร์ส ผลงานเงียบสนิท
ขณะเดียวกันหนึ่งในเหตุผลที่ทำให้ เอฟเวอร์ตัน บุกมาเก็บชัยชนะได้ ต้องยกความดีความชอบให้กับ จอร์แดน พิคฟอร์ด ผู้รักษาประตูทีมชาติอังกฤษ ที่โชว์ซูเปอร์เซฟสำคัญในช่วงครึ่งแรก ทำให้ทีมยังอยู่ในเกม ขณะที่ ฮาเมส โรดริเกซ แสดงให้เห็นถึงคุณภาพชั้นยอดตั้งแต่เกมแรกในสีเสื้อ "ทอฟฟี่สีน้ำเงิน"
1. เด็กใหม่เปิดตัวแตกต่างราวฟ้ากับเหว
ฮาเมส โรดริเกซ สตาร์ชาวโคลอมเบีย ไม่ต้องใช้เวลาในการปรับตัวในการเล่นพรีเมียร์ลีก เลย โดยเขาแสดงให้เห็นถึงเซนต์ลูกหนังตั้งแต่เกมแรกที่สวมเสื้อเอฟเวอร์ตัน ซึ่งแน่นอนว่างานนี้บรรดาสาวก "ทอฟฟี่สีน้ำเงิน" คงเทหัวใจยกให้เป็นขวัญใจคนใหม่แห่งถิ่นกูดิสัน พาร์ค
อดีตดาวเตะ เรอัล มาดริด และ บาเยิร์น มิวนิค สร้างความปั่นป่วนให้กับเกมรับของ ท็อตแน่ม ฮ็อทสเปอร์ ได้ตลอดเวลา ที่สำคัญในเกมนี้เขายังสร้างสถิติเป็นนักเตะคนแรกในพรีเมียร์ลีกที่ลงเล่นเปิดตัวพร้อมกับสร้างโอกาสให้กับเพื่อนร่วมทีมได้อย่างน้อย 5 ครั้งหลังจากที่ อเล็กซิส ซานเชซ เคยทำเอาไว้กับ อาร์เซน่อล เมื่อดือนสิงหาคม ปี 2014
เช่นเดียวกับ อัลลัน ทำหน้าที่โฮลดิ้งมิดฟิลด์ได้อย่างดีเยี่ยม สามารถคุมจังหวะเกมในแดนกลางได้เหนือกว่า สเปอร์ส ขณะที่ อับดูลาย ดูกูเร่ แสดงให้เห็นถึงพละกำลังและความมุ่งมั่นโดยนักเตะพยายามวิ่งไล่บี้ตลอดเวลา แถมไม่มีอาการเหนื่อยล้าให้เห็นเลย
สวนทางกับนักเตะหน้าใหม่ของ "ไก่เดือยทอง" โดยเริ่มตั้งแต่ แมตต์ โดเฮอร์ตี้ แบ็กขวา ที่ในตอนช่วงต้นเกมเล่นได้ดี และมีโอกาสเข้าไปสร้างความปั่นป่วนในกรอบเขตโทษทีมเยือนโดยเฉพาะช่วงท้ายครึ่งแรกที่ได้ยิงในกรอบเขตโทษ แต่ จอร์แดน พิคฟอร์ด ยังเซฟได้ อย่างไรก็ตามนักเตะมีปัญหาในการจัดการกับความเร็วของ ริชาร์ลิซอน ขณะที่ ปิแอร์ เอมิล ฮอยจ์เบิร์ก ทำผลงานได้น่าผิดหวัง เสียบอลง่าย และที่สำคัญไม่สามารถสู้กับแดนกลางของ เอฟเวอร์ตัน ได้เลย
2. พิคฟอร์ดพิสูจน์ให้เห็นยังเหนียวหนึบ
ไม่มีอะไรต้องสงสัยว่า เอฟเวอร์ตัน สมควรเก็บชัยชนะในแมตช์นี้ แต่หากจะเลือกนักเตะที่ควรได้รับคำชื่นชมมากๆ ของ "ทอฟฟี่สีน้ำเงิน" ต้องบอกเลยว่า จอร์แดน พิคฟอร์ด คู่ควรกับคำสรรเสริญอย่างมาก จากผลงานที่ช่วยเซฟจังหวะสำคัญๆ ให้กับทีมหลายครั้ง
เมื่อช่วงครึ่งซีซั่นหลังของฤดูกาล 2019/2020 พิคฟอร์ด โดนวิจารณ์อย่างหนักจากฟอร์มการเล่น แต่เกมกับ สเปอร์ส เขาแสดงให้เห็นถึงความยอดเยี่ยมอีกครั้ง โดยเฉพาะในจังหวะที่เซฟลูกยิงของ เดเล่ อัลลี่ กับ แมตต์ โดเฮอร์ตี้ ในช่วงครึ่งแรก ซึ่งช่วยทำให้ทีมไม่เสียเปรียบเจ้าบ้าน
นอกจากนี้ พิคฟอร์ด ยังเล่นได้อย่างคงเส้นคงวา และเต็มไปด้วยความมั่นใจเวลาที่ออกมาตัดบอลจากการเปิดบอลจากริมเส้นเข้ามาในกรอบเขตโทษ โดยนายทวารทีมชาติอังกฤษ คอยสั่งการบริเวณพื้นที่เขตโทษได้ดีมากๆ ที่สำคัญเจ้าตัวไม่มีอาการประหม่า หรือลังเลเมื่อไหร่ก็ตามที่นักเตะสเปอร์สเข้ามากดดันโดยเฉพาะการเล่นลูกตั้งเตะ
ผลงานในเกมนี้คงทำให้หลายๆ คนที่ตั้งข้อสงสัยในตัว พิคฟอร์ด คงจะหงายเงิบ โดยจบเกม อดีตนายทวาร "แมวดำ" ซันเดอร์แลนด์ มีสถิติเซฟถึง 5 ครั้ง ฉะนั้นฟอร์มการเล่นของเขาในเวลานี้คงทำให้ นิค โป๊ป กับ ดีน เฮนเดอร์สัน ยากที่จะแย่งตำแหน่งมือ 1 "สิงโตคำราม" ทีมชาติอังกฤษ
3. แดนกลาง สเปอร์ส เล่นสะเปะสะปะไร้การประสานงาน
สเปอร์ส เลือกส่ง แฮร์รี่ วิงค์ ยืนคู่กับ ปิแอร์-เอมิล ฮอยเบิร์ก ยืนคู่กันในแดนกลางเพื่อหวังให้ทั้งสองคนคอยคุมจังหวะเกมให้กับทีม ขณะที่ เดเล่ อัลลี่ ยืนอยู่หน้าพวกเขาโดยสวมบทบาทมิดฟิลด์ตัวรุก ซึ่งมันไม่เวิร์กเอาซะเลย และนั่นคือหนึ่งในเหตุผลที่ทีมแพ้ในเปิดสนาม
ในช่วงพักครึ่ง โชเซ่ มูรินโญ่ ตัดสินใจถอด อัลลี่ ออก และส่ง มุสซ่า ซิสโซโก้ ลงไปแทน โดย "เฮียมู" คาดหวังจะให้พละกำลังของ ซิสโซโก้ ช่วยไล่บดขยี้แดนกลาง แต่บทสรุปเหมือนเดิมคือไม่เวิร์ก ที่สำคัญ วิงค์ กับ ฮอยเบิร์ก ยังโดนบดบังรัศมีจากผลงานของ 2 แข้งใหม่ เอฟเวอร์ตัน นั่นก็คือ อัลลัน กับ ดูกูเร่ ซึ่งเล่นได้อย่างเหนือชั้น
แม้ว่า มูรินโญ่ จะเลือกแดนกลางที่เขาคิดว่าแข็งแกร่งที่สุดของทีม แต่ สเปอร์ส ไม่สามารถปั้นเกมได้เลย ส่งผลทำให้ทั้ง แฮร์รี่ เคน และ ซน ฮึง-มิน ไม่มีโอกาสได้สร้างจังหวะอันตรายใส่ทีมเยือนมากนัก แม้ "เฮียมู" จะส่ง ซิสโซโก้ กับ สตีเว่น เบิร์กไวจ์น ลงสนามในครึ่งหลัง แต่พวกเขาก็ทำอะไรไม่เป็นชิ้นเป็นอัน
ทั้ง ฮอยเบิร์ก และ ซิสโซโก้ ไม่สามารถผ่านบอลสวยๆ ได้เลย และไม่สามารถสู้กับแดนกลางของเอฟเวอร์ตัน ได้ด้วย แม้สุดท้ายแล้วการเลือกส่ง ต็องกีย์ เอ็นดอมเบเล่ ลงมาเล่นในช่วง 14 นาทีสุดท้ายเพื่อหวังให้นักเตะช่วยดันเกมบุกมากยิ่งขึ้น แต่สุดท้ายก็ไม่สามารถเจาะแนวรับ "ทอฟฟี่สีน้ำเงิน" ได้อยู่ดี
4. อันเชลอตติโชว์ปรับระบบนำ เอฟเวอร์ตัน ฟอร์มกระฉูด
คาร์โล อันเชลอตติ เข้ามากุมบังเ***ยน เอฟเวอร์ตัน ช่วงกลางฤดูกาลที่ผ่านมา และเลือกใช้แผนการเล่นในระบบ 4-4-2 โดยผลงานของทีมก็ไม่ค่อยน่าอภิรมย์มากนัก แต่นั่นอาจจะเป็นเพียงแค่การลองทีมสำหรับ "คาร์เล็ตโต้" เพื่อที่จะได้หาจุดสมดุลที่เหมาะกับ "ทอฟฟี่สีน้ำเงิน"
อย่างไรก็ตาม "อันเช่" พยายามที่จะปรับระบบของทีมในช่วงปรีซีซั่น และตัดสินใจใช้ระบบใหม่นั่นก็คือแผนการเล่น 4-3-3 ด้วยการจับ ฮาเมส โรดริเกซ ไปยืนเป็นตัวรุกฝั่งขวา และส่ง ริชาร์ลิซอน ทำหน้าที่เป็นตัวรุกฝั่งซ้าย โดยหน้าเป้าเป็นหน้าที่ของ โดมินิก คัลเวิร์ท-เลวิน
การเลือกใช้ระบบนี้ทำให้ เอฟเวอร์ตัน สามารถควบคุมเกม และครองบอลได้อย่างต่อเนื่อง และในที่สุดแผนการเล่นในระบบนี้ก็มาสำฤทธิ์ผลเมื่อ โดมินิก คัลเวิร์ท-เลวิน จัดการโหม่งบอลเข้าไปซุกก้นตาข่ายอย่างสวยงาม ช่วยให้ทีมคว้า 3 คะแนนสำคัญกลับถิ่นกูดิสัน พาร์ค ได้สำเร็จ
อีกจุดที่ต้องชื่นชมมากๆ นั่นก็คือ 3 กองกลางของทีมทั้ง อัลลัน, อังเดร โกเมซ และ อับดูลาย ดูกูเร่ ที่ประสานงานกันได้อย่างลงตัว และจัดการบดรัศมีแผงมิดฟิลด์ สเปอร์ส จนอยู่หมัด ในขณะกองหลังของทีมแทบไม่ต้องเจอกับงานหนักอะไรมากนัก เพราะ สเปอร์ส ปั้นเกมไม่ได้เลย
เพิ่มเติม : irelandmay.com
|