ชัยชนะของ "ทัพสิงโตคำราม" ทีมชาติอังกฤษ ที่เป็นฝ่ายเฉือนเอาชนะ เดนมาร์ก ในช่วงต่อเวลาพิเศษ 2-1 สร้างประวัติศาสตร์ผ่านเข้าชิงชนะเลิศฟุตบอลยูโรได้เป็นครั้งแรกในการแข่งขันฟุตบอลยูโร 2020 ที่สนาม เวมบลีย์ สเตเดี้ยม, อังกฤษ เมื่อคืนวันพุธที่ 7 กรกฎาคม ที่ผ่านมา
อย่างไรก็ตามหลังจบเกมได้มีประเด็นเกี่ยวกับการได้จุดโทษของ อังกฤษ เพราะมันถือเป็นจังหวะชี้ขาดของเกมทีเดียว โดยจุดแรกก็คือในจังหวะที่ ราฮีม สเตอร์ลิง หลุดขึ้นมาทางริมเส้นฝั่งขวานั้น มันมีลูกบอลอยู่ในสนามถึงสองใบ ซึ่ง ดานนี มัคเคลี่ ผู้ตัดสินชาวฮอลแลนด์ ไม่ได้สั่งหยุดเกม
ขณะที่จังหวะต่อเนื่องที่สองที่ถือว่าเป็นไฮไลต์สำคัญก็คือการให้จุดโทษนั้น หลายฝ่ายมองว่า ราฮีม สเตอร์ลิง มีเจตนาพุ่งล้ม และเป็นจุดโทษที่ไม่ชัดเจน อย่างไรก็ตาม ผู้ตัดสินเช็ค VAR ก่อนยืนยันคำเดิมว่าเป็นจุดโทษเมื่อมองว่า โยอาคิม เมห์เล่ แนวรับโคนมได้มีการสกัดล้มลงไปจริง
เรื่องสุดท้ายก็คือในช่วงจังหวะที่ แฮร์รี่ เคน กำลังจะยิงจุดโทษนั้น ได้มีแฟนบอลเจ้าถิ่น ยิงแสงเลเซอร์สีเขียว เข้าที่ใบหน้าของ แคสเปอร์ ชไมเคิ่ล นายด่านเดนมาร์ก เพื่อพยายามก่อกวน แม้ท้ายสุดเจ้าตัวจะพุ่งปัดเอาไว้ได้ในจังหวะแรก แต่บอลกระดอนไปเข้าทาง ศูนย์หน้าทีมชาติอังกฤษ ซ้ำตุงตาข่ายไม่เหลือ
หลังเกม คาสเปอร์ ฮูลมันด์ กุนซือทีมชาติเดนมาร์ก ได้เผยความรู้สึกว่า "เราผิดหวังมาก และมันยากสำหรับผมที่จะพูดถึง บางทีมันอาจจะง่ายกว่าสำหรับผมที่จะพูดว่าผมรู้สึกอย่างไรในอีกสองสามวันข้างหน้า เราแค่ผิดหวังมากที่เราเข้าใกล้รอบชิงชนะเลิศมาก"
"เราผิดหวังที่กรรมการตัดสินใจแบบนั้น มันเป็นจุดโทษที่ไม่ควรเป็นจุดโทษ และนั่นทำให้ผมหงุดหงิด การแพ้เกมหนึ่งเกิดขึ้นได้ แต่การแพ้แบบนี้มันทำเราผิดหวังมาก เพราะพวกเราต่อสู้กันมาอย่างยากลำบากกว่าจะมาถึงจุดนี้"
สำหรับ "สิงโตคำราม" อังกฤษ ที่เป็นฝ่ายเอาชนะ เดนมาร์ก ในช่วงต่อเวลาพิเศษ 2-1 สร้างประวัติศาสตร์ผ่านเข้าชิงชนะเลิศฟุตบอลยูโรได้เป็นครั้งแรก โดยจะเข้าไปพบกับ อิตาลี ในคืนวันอาทิตย์ที่ 12 กรกฎาคม นี้
ติดตามข่าวสารความเคลื่อนไหวแวดวงกีฬา เทรนใหม่ๆ ได้ที่
badhaven.com
|