หนังดราม่า บางเรื่องหยิบเอาตัวอย่างปัญหาครอบครัวที่พบเจอได้ในชีวิตจริง มาบอกเล่าให้วิธีการที่แตกต่างไป ใส่ทั้งความตลกชวนหัวเราะ เคล้ากับเรื่องราวดราม่าชวนสะเทือนต่อมน้ำตา แต่เล่าออกมาด้วยพล็อตแฟนตาซี กลายเป็นผลงานครบรสที่โดนหัวใจคนไปเต็มเหนี่ยว หนึ่งในนั้น คงมีชื่อหนังไทยอย่าง ‘Long Live Love!’ หรือชื่อไทยทับศัพท์ ‘ลอง ลีฟ เลิฟว์’ อยู่ด้วยเป็นแน่
เรื่อง หนังดราม่า ‘Long Live Love!’
หนังมันเล่าเรื่องราวของ เมตตา (ชมพู่ อารยา เอ ฮาร์เก็ต จากหนังเรื่อง ‘ตุ๊ดซี่ส์ แอนด์ เดอะเฟค’ และ ‘คุณนายโฮ’) หญิงสาวไร้เมตตา ผู้เป็นทั้งแม่และเมียที่สุดแสนจะละเหี่ยใจกับพฤติกรรมของสติ (ซันนี่ สุวรรณเมธานนท์ จากหนังเรื่อง ‘น้อง.พี่.ที่รัก’ และ ‘มิสเตอร์เฮิร์ท มือวางอันดับเจ็บ’) แฟนหนุ่มผู้ไร้สติ สองคนมีลูกด้วยกันหนึ่งคน คือ นะโม (เบคกี้ – รีเบคก้า แพทรีเซีย อาร์มสตรอง จากซีรีส์เรื่อง ‘ทฤษฎีสีชมพู’) ที่ต้องพบกับความวุ่นวายของพ่อแม่ตลอดมา
เมตตาต้องการเริ่มต้นชีวิตใหม่อีกครั้งโดยที่ไม่มีเขา แต่สติดันมาเกิดอุบัติเหตุจนความจำเสื่อมซะก่อน ทำให้เธอต้องกลับมาพยาบาลผัวตัวเองอย่างช่วยไม่ได้ เหตุสำคัญที่เกิดขึ้นตามมาหลังสติ(ความจำ)หลุด คือ เขาได้ค้นพบพลังแห่งการมองเห็นอดีตได้ด้วยการถ่ายรูป เขาจึงใช้มันเพื่อฟื้นฟูความทรงจำของตนเอง
นี่คือหนังรักที่ชวนทุกคนร่วมย้อนความทรงจำความรักผ่านรูปถ่าย เพื่อกลับไปพบกับจุดเริ่มต้นของความรัก หรือ เลิกรัก
รีวิวหนัง ‘ลอง ลีฟ เลิฟว์’
มันเป็นเรื่องของความสัมพันธ์ของพ่อกับแม่ที่กำลังมาถึงทางตัน หลังพฤติกรรมซ้ำซากของพ่อ อันนำมาซึ่งการทะเลาะที่ยืดเยื้อยาวนานจนลูกสาวเอือมระอา และในวันที่ผัวกำลังจะถูกเมียตัวเองบอกเลิกจากวีรกรรมนับพัน แต่สวรรค์ดูจะปรานี ในวันที่เขาประสบอุบัติเหตุจนมีอาการความจำเสื่อม ก็ยังให้โอกาสผัวได้ฟื้นความจำผ่านรูปถ่าย เพื่อกลับไปแก้ไขเรื่องต่างๆ ซึ่งมันจะออกมาดีหรือร้าย มันก็ไม่ได้ขึ้นอยู่กับตัวเขาเองคนเดียว เมียของเขาก็ด้วย ความสัมพันธ์มันเป็นเรื่องของคนมากกว่าหนึ่งอยู่แล้วนี่
เพียงแต่ความสัมพันธ์ที่มีลูกเป็นพยานรัก ตัวแปรในสมการนี้จะยุ่งยากหน่อย ครอบครัวเล็กๆ ที่คนสองคนเคยร่วมสร้างกันมา วันนี้ กำลังพังทลาย โดยมีคนที่สามร่วมพังด้วย หนังเรื่องนี้ พยายามเปิดให้เราย้อนดูวันเก่าๆ บอกเราว่า ก่อนมาถึงวันนี้ คนสองคนทำอะไรไว้บ้าง ผ่านเรื่องแฟนตาซีอย่างการย้อนอดีตผ่านรูปถ่าย
อย่างไรก็ดี ในสมการนี้ ไม่ได้มีแค่ นะโม ลูกสาวที่เก็บกดและมีเพียงคำพูดประชดประชันให้กับผู้เป็นพ่อ แต่ในระหว่างนั้น สติก็ได้พบกับ สันติ (ป๋อมแป๋ม นิติ ชัยชิตาทร จากหนังเรื่อง ‘ตุ๊ดซี่ส์แอนด์เดอะเฟค’ และ ‘เกรียน ฟิคชั่น’) พี่ชายต่างมารดาที่ประกอบสัมมาอาชีพเป็นเทรนเนอร์ แต่ก็จะมาข้องแวะอยู่กับบ้านนี้ตลอดๆ เป็นคนที่คอยอยู่เคียงข้างสติ เป็นกาวใจให้กับครอบครัว และเป็นเซฟโซนให้กับหลานรักเสมอมา
มีตัวละครด้านดีดี ก็ต้องมีตัวที่เป็นด้านร้ายๆ พวกเขาเพื่อนที่ทำงานสตูดิโอถ่ายภาพด้วยกัน หนึ่งคือ นักรบ (ปีเตอร์ นพชัย ชัยนาม จากหนังเรื่อง ‘คนหิว เกมกระหาย’ และ ‘Homestay’) ผู้ยึดมั่นในพลังพิเศษของการเกิดมาเพื่อซัพพอร์ตเพื่อนในทางลบ ไม่เคยยึดมั่นในความรักและมองเป็นเรื่องฉาบฉวย ส่วนอีกคน เจนสนาม (นนท์ ศดานนท์ ดุรงคเวโรจน์ จากหนังเรื่อง ‘ดิวไปด้วยกันนะ’ และ ‘SLR กล้อง ติด ตาย’) เพื่อนรุ่นน้องในออฟฟิศสติ ลิ่วล้ออารมณ์ดี สองคนนี้จะช่วยเปิดให้เห็นถึงวีรกรรมที่สติเคยกระทำมา
นอกจากนี้ ก็ยังมีตัวเล็กตัวน้อยที่ผ่านเข้ามา แต่หนึ่งในนั้นมีตัวพอจะสำคัญหน่อยก็คงเป็น ตัวละครที่แสดงโดย โบกี้ไลอ้อน นั่นแหละ แต่เอาไว้ไปเจอเองในหนังก็แล้วกันเนอะ
สำหรับนายแพทเอง มองว่านักแสดงส่วนใหญ่ที่เข้ามาอยู่ในหนังเรื่องนี้ ค่อนข้างเล่นเอาไว้ได้ดีเลยนะ อาจมีบางช่วงที่บางช่วงที่เหมือนท่องบทมา บ้างก็เหมือนคนเปลี่ยนอารมณ์กะทันหัน ดูต่อไม่ค่อยติดกับบทพูดก่อนหน้า ซึ่งก็เป็นในช่วงแรกๆ เท่านั้น ไม่ว่ายังไง ชมพู่และซันนี่คือคนที่เอาอยู่ทั้งในพาร์ทคอเมดี้และดราม่า จากคนที่ทำให้หัวเราะกลับกลายเป็นคนที่ทำให้สะเทือนอารมณ์จนเสียน้ำตา หรืออย่างป๋อมแป๋มที่สร้างสีสันได้ไม่เบา ขณะที่ก็ไม่คิดว่าปีเตอร์จะมาในบทชวนฮาแบบนี้ได้ เล่นเข้าคู่กับนนท์ได้ดี ส่วนเบคกี้กับบทลูกสาวจอมประชดพ่อก็ทำไว้ได้ไม่เลวเลย
ด้านเพลงประกอบ ‘ลอง ลีฟ เลิฟว์’ (ที่ไม่รู้ทำไม เลิฟ ต้องมี ว์) ก็หยิบเอาเพลงเก่าที่อยู่ในความทรงจำมาใช้ หนังที่พาย้อนอดีตความทรงจำไปยังยุคนั้นได้อย่างลงตัว ก่อนจะจบลงด้วยเพลงโปรดที่เคยชอบใจในวันเก่า
ทีนี้ มามองกันที่เนื้อเรื่องบ้าง หนังไทยเรื่องนี้มีความน่าสนใจตรงที่มันเล่าด้วยไอเดียของการย้อนเวลาของตัวละครความจำเสื่อม เพื่อจะได้กลับไปรู้เรื่องราวที่ตนลืมเลือนไป ว่าทั้งสติและเมตตาเคยทำอะไรต่อกันไว้บ้าง เอาแฟนตาซีเข้ามาสร้างการดำเนินเรื่อง แต่แก่นแกนหลักก็ยังเป็นดราม่าของครอบครัว เหมือนปล่อยให้ครอบครัวได้เวลามีทบทวนกันเองว่า วันเริ่มแรกที่รักกันจะตาย แต่อยู่ด้วยกันไป ทำไมกลายเป็นพังแบบนี้
เหมือนให้ตัวละครฝ่ายผัวได้มองย้อนการกระทำในอดีตของตนผ่านสายตาของอีกคน ซึ่งมันก็น่าจะเป็นไอเดียที่ดี เพราะเราจะตัดสินได้แบบไม่ลำเอียงว่า สิ่งนั้นผิดหรือถูก เราจะเข้าใจและยอมรับมันได้มากกว่าถ้าเรามองด้วยมุมมองของเราเองที่อาจมีอคติเข้าครอบงำ และอาจไม่ยอมรับความผิดของตนเองกระทำก็เป็นได้
แม้ว่าตัวหนังเอง จะยังมีความไม่สมบูรณ์ในบางส่วน หรือตัดต่อไม่สมูธบ้างบางจุด แต่เมื่อเอาทุกอย่างมีรวมกัน มีคำพูดที่ทัชใจ บวกกับการได้นักแสดงที่เล่นเข้าขาเข้ามือ ทำให้หนังที่มีทั้งพล็อตดราม่าครอบครัว ที่ใส่ความตลก ผสานเรื่องแฟนตาซี ส่งต่อไปถึงตอนจบที่น่าประทับใจ เพลง ‘เหมือนเคย’ ที่เคยพาเอิบอิ่มมานาน 20 ปี สร้างมุมมองใหม่ในอีกเส้นทางได้อย่างไม่น่าเชื่อ กระทั่งชื่อตัวละครยังดูมีความหมายที่แฝงไว้อยู่ในที
ประเภทของหนัง
หนังรักที่เริ่มด้วยความตลก แต่จบลงด้วยความจริงจัง ไม่ใครก็ใคร ต่างก็เสียน้ำตาให้กับหนังเรื่องนี้ มันจึงกลายเป็นหนังที่กระแสดีในวันรอบสื่อนั่นเอง
แนว/ประเภท ดราม่า, คอเมดี้
|