รีวิวเกม Kirby’s Dream Buffet เจ้าอ้วนกลมฉบับกินไม่อั้น
เรียกว่าเปิดตัวแบบไม่ให้ตั้งตัวสำหรับภาคพิเศษของอ้วนกลมอมชมพู Kirby ที่หลังจากออกภาค Kirby and the Forgotten Land ไปช่วงต้นปี ล่าสุดมีการเปิดตัวภาค Kirby’s Dream Buffet ออกขายบนร้านค้าออนไลน์ Nintendo Switch e-Shop ถือว่ามาแม้จะไม่ใช่ภาคหลักแต่มาไวกว่าที่คิดมาก
และหลังจากปล่อยตัวอย่างแรกออกมาหลายคนอาจจะคิดว่า Kirby’s Dream Buffet เหมือนกับเกม Fall Guys ที่เป็นการแข่งเข้าเส้นชัยกับคู่แข่ง ซึ่งมันก็คล้ายในบางส่วนแต่ขึ้นชื่อว่าเกมของค่าย Nintendo น่าจะมีการใส่อะไรที่เป็นต้นฉบับของตัวเองอยู่บ้าง และเนื่องจากมันเป็นมินิเกมที่ขายผ่านระบบดาวน์โหลดเท่านั้นทำให้เรื่องราวในเกมจะไม่มี ทุกอย่างจะเริ่มจากตัว Kirby หลากสีสันมาแข่งกินแล้วกลิ้งเข้าเส้นชัยเท่านั้น ก็เข้าใจได้ว่ามันเป็นเพียงภาคเสริมเท่านั้น
กราฟิกสดใสน่ารักเหมือนภาคหลัก
แต่อย่างคิดว่ากราฟิกมันจะดูแย่เพราะมันเป็นเพียงแค่ภาคเสริม เพราะภาพในเกมแทบจะเหมือนกับภาคหลักที่มีทั้งรายละเอียดของพื้นผิวที่จัดเต็มระดับ HD ความลื่นไหลของเฟรมเรตอยู่ในระดับดี งานออกแบบก็เหมือนเดิมไม่เปลี่ยนที่มีทั้งความน่ารัก และสีสันสดใสมาก หากมองว่ามันเป็นภาคเสริมแล้วถือว่าลงทุนพอตัว เพราะมันสวยงามน่ารักเหมือนเกมฟอร์มดี
เพลงประกอบมาแนวเดียวกันที่แทบจะยกความน่ารักมาจากต้นฉบับ ที่มีการใส่ธีมที่สนุกสนามเหมาะกับแนวทางของเกมได้ลงตัว มีการใส่เพลงที่คุ้นหูแฟน ๆ เข้ามาให้หายคิดถึงกัน แน่นอนว่าเสียงพากย์ไม่มีอยู่แล้ว แต่เสียงประกอบของตัว Kirby ก็ใส่มาครบ ๆ แฟนซีรีส์ Kirby ต้องชอบแน่ แต่สำหรับคอเกมฮาร์ดคอร์อาจจะมองว่ามันเป็นของเล่นสำหรับเด็กเพราะความน่ารักของตัวละคร
ขอบคุณรูปภาพจาก : beartai.com
เกมเพลย์เน้นแข่งกันกิน
เนื่องจากเป็นภาคเสริมทำให้รูปแบบการเล่นจะไม่ได้มากมายและลงรายละเอียดนัก หลัก ๆ คือเราต้องบังคับตัว Kirby หลากสีกลิ้งเข้าเส้นชัยเท่านั้น ซึ่งในฉากจะออกแบบมาเป็นของกินเช่นขนมเค้กหรือแฮมเบอร์เกอร์ แต่การวัดว่าใครแพ้ชนะจะไม่ได้วัดว่าใครเข้าเส้นชัยก่อนแต่จะวัดกันที่น้ำหนักของ Kirby ดังนั้นระหว่างการกลิ้งไปในฉากต้องหาของกินไปด้วย แต่คนที่เข้าเส้นชัยก่อนจะมีสิทธิในการเลือกกินเค้กก้อนใหญ่กว่าได้
ถือว่าเป็นรูปแบบการเล่นที่มีความคล้ายกับ Fall Guys ในแง่ของฉากที่จะมาแบบ 3 มิติที่ผู้เล่นต้องกลิ้งตัวไปในด่านที่เต็มไปด้วยอุปสรรคโหด ๆ และยังมาพร้อมกับพื้นเลื่อนรวมทั้งมีศัตรูอยู่ แน่นอนว่าเป้าหมายมีแค่กินกับวิ่งเข้าเส้นชัย ไม่มีการกินศัตรูแล้วแปลงร่างแบบต้นฉบับ แต่มีระบบไอเทมที่เมื่อเก็บมาจะใช้ความสามารถพิเศษเพิ่มได้เช่นการใช้พายุเพื่อพัดศัตรู หรือพุ่งตัวไปด้วยความเร็วสูงส่วนนี้ทำให้คล้ายกับ Mario Kart
มีฉากมาให้เล่นเยอะและใช้ระบบสุ่ม
หากมองแบบผ่าน ๆ แล้วจะพบว่าโหมดใน Kirby’s Dream Buffet จะมีน้อยไปหน่อย เพราะในโหมดหลักจะมีให้เลือกแค่โหมด Battle ที่มีเกมเพลย์แยกย่อยออกเป็น Gourmet Grand Prix ที่จะเป็นการเล่นผ่านเกมเพลย์ 3 รูปแบบทั้งวิ่งแข่งกันในฉาก และเมื่อผ่านแล้วจะมีมินิเกมสั้น ๆ มาให้เล่นทต่อเนื่อง ปิดท้ายกับการต่อสู้แบบ Battle Royale ที่สามารถโจมตีคู่แข่งให้กระเด็นออกไปนอกฉากได้ แต่จะไม่ได้ยาวและไม่ได้มีรายละเอียดมากนัก
ความดีงามคือฉากทั้งหมดจะเรียงมาให้เล่นแบบสุ่ม แม้มันจะออกมาซ้ำบ้าง แต่การใช้ระบบนี้ทำให้ผู้เล่นรู้สึกว่าเหมือนได้เล่นอะไรสดใหม่ไปตลอด และหากไม่อยากเล่นในโหมด Grand Prix จะสามารถเลือกประเภทได้เช่นหากเราต้องการเล่นเฉพาะมินิเกมหรือ Battle Royale ก็ทำได้ เพียงแต่จะไม่สามารถเลือกฉากได้โดยตรงเท่านั้น
แน่นอนว่ามันต้องมีโหมดเล่นกับเพื่อน ๆ ที่ทีมงานยัดใส่มาทั้งแบบออนไลน์ และ ออฟไลน์ที่เล่นได้พร้อมกัน 4 คนในฉากเดียว แต่หากเล่นแบบแบ่งหน้าจอในโหมด Battle จะเล่นได้ 2 คนพร้อมกัน ถือว่าน้อยไปหน่อยหากเทียบกับรูปแบบของเกมที่หากยัดใส่ผู้เล่นจำนวนมากก็จะยิ่งสนุกแบบวุ่นวายคล้ายกับ Fall Guys ทำให้น่าผิดหวังไปบ้าง ปิดท้ายกับ การปรับแต่งตัวละครที่เมื่อเล่นไปเรื่อย ๆ จะปลดล็อกสีของตัว Kirby และเครื่องประดับมาให้ใช้งานกันด้วย และยังมีไอเทมพิเศษไว้มาตกแต่งขนมเค้กในฉากหลักด้วย
บอกตรง ๆ ว่าความจริง Kirby’s Dream Buffet สามารถต่อยอดทำให้ดีกว่านี้แล้วขายเป็นภาคหลักก็ได้ แต่ดูเหมือนทีมงานสร้างอยากทำเกมฟอร์มเล็กภาคเสริมไว้เล่นแบบไม่ต้องคิดอะไรมากกว่า ทำให้หากเทียบความสนุกแล้วยังห่างชั้นกับ Fall Guys และแนวเกมก็มีความแตกต่างกันอยู่ แต่สำหรับแฟน Kirby แล้วมันยังคงมีความน่ารักรวมทั้งความสนุกที่เล่นได้ทุกเพศทุกวัย และยิ่งเอามาเทียบกับราคาขายที่ไม่แพงแล้วถือว่ามีไว้ติดเครื่องก็ไม่เสียหาย
ติดดตามข่าวสารวงการเกมและอื่นๆ ได้ที่ : inwesport
ขอบคุณแหล่งที่มาจาก : beartai.com
ลิงค์รูปภาพ :
1. ภาพจาก : beartai.com
2. ภาพจาก : beartai.com