ติดตามข่าวสาร ได้ที่ : mydeedees.com
5 สิ่งที่ควรรู้ก่อนเลี้ยงแมงมุมน้อยทารันทูล่า
เมื่อพูดถึงแมงมุมเชื่อว่ามีอยู่ไม่น้อยเลยที่มีความหวาดกลัวและไม่อยากเข้าใกล้ และก็มีอยู่ไม่น้อยเลยที่ชื่นชอบในความมีเสน่ห์ของแมงมุม ซึ่งสายพันธุ์ที่กำลังเป็นที่นิยมอยู่ไม่น้อยเลยคงหนีไม่พ้นแมงมุมทารันทูล่าหรือในไทยเรียกรวมๆ ว่าบึ้ง ซึ่งเป็นสัตว์ขาปล้องจำพวกแมงมุมกลุ่มหนึ่ง จัดอยู่ในวงศ์ Theraphosidae เป็นแมงมุมที่มีวิวัฒนาการมาตั้งแต่ยุคโบราณกว่า 350 ล้านปีมาแล้ว โดยมีการเปลี่ยนแปลงทางโครงสร้างร่างกายน้อยมาก มีรูปร่างทั่วไปคล้ายกับแมงมุมท้องปล้อง แต่ทารันทูล่าจะไม่เหลือปล้องบริเวณท้องอีกแล้ว ทารันทูล่าทั่วไปเป็นแมงมุมขนาดใหญ่ มีขายาว และมีลักษณะเด่นคือ มีเส้นขนจำนวนมากขึ้นอยู่ตามตัวและขา เห็นได้ชัดเจน ส่วนมากมีสีสันหรือลวดลายที่สดใส พบได้ทั่วไปทุกมุมโลก ไม่เว้นแม้แต่ทะเลทราย ทุ่งหญ้า หรือในถ้ำที่มืดมิด โดยเฉพาะอย่างยิ่งในแถบร้อนชื้น หรืออุณหภูมิแบบป่าดิบชื้น ยกเว้นขั้วโลกเท่านั้น และเราจะมาพูดถึง 5 สิ่งที่เหล่าผู้ชื่นชอบแมงมุมทารันทูล่าควรรู้ก่อนที่จะรับน้องมาเลี้ยงดูกัน
1. การเลือกตู้
การเลือกตู้หรือกล่องเราควรเลือกให้เหมาะกับประเภท และขนาดของแมงมุม วัสดุจะเป็นพลาสติก อคิลิก หรือกระจกก็แล้วแต่งบประมาณและความชอบที่เราสามารถจัดหาได้เลย โดยพื้นฐานแล้วควรเลือกกล่องที่เล็กไม่ควรกว้างเกินไปเพราะจะทำให้แมงมุมจับเหยื่อได้ลำบาก และแมงมุมชอบอยู่ในที่แคบมากกว่าที่เปิดกว้าง สำหรับขนาดที่แนะนำในการเลือกกล่องใส่แมลงควรมีขนาด 1 ฟุต แบบกล่องที่เหมาะแก่การเลี้ยงแมลงทุกชนิด
2. การเลือกวัสดุรองพื้น
พื้นก็เป็นอีกส่วนหนึ่งที่มีสำคัญในการเลี้ยง ซึ่งในการเลือกพื้นนั้นจะต้องมีคุณสมบัติในการกักเก็บความชื้นได้ดี และจะต้องไม่แข็งจนเกินไปเพราะแมงมุมจะต้องสามารถขุดทำโพรงเพื่อเป็นที่อยู่อาศัยได้ ขั้นแรกก็ปูพื้นด้วยวัสดุที่มีซึ่งควรปูให้หนาซักประมาณ 1 นิ้ว เพื่อให้กักเก็บความชื้นได้ดีจากนั้นให้ฉีดพรมน้ำให้ชื้นจนพื้นรองชุ่มน้ำ โดยปกติแล้วจะแนะนำ 3 อย่างได้แก่
พีทมอส จะเป็นพื้นที่ดีที่สุดเพราะสามารถกักเก็บความชื้นได้ดีเยี่ยม ไม่ค่อยมีปัญหาในการอยู่อาศัยของแมงมุม สะอาด และดูแลรักษาง่าย
เวอร์มิคูไลท์ เป็นอีกหนึ่งทางเลือกที่ใช้สำหรับทำพื้นรอง เพราะมีคุณสมบัติในการกักเก็บความชื้นได้ดีเช่นกัน แต่ไม่เหมาะกับการให้แมงมุมขุดรูมากนัก เพราะมีความหนาแน่นมากกว่าพีทมอสซึ่งจะทำให้แมงมุมขุดโพรงได้ยาก
ขุยมะพร้าว ก็เป็นอีกหนึ่งทางเลือกที่ดีที่ใช้สำหรับการทำพื้นรอง เพราะด้วยคุณสมบัติที่สามารถกักเก็บความชื้นได้ดีไม่แพ้อย่างแรกแถมยังมีราคาที่ถูกมากหาซื้อได้ง่ายตามร้านขายวัสดุที่ใช้ทำการเกษตรทั่วไปอีกด้วย
3. การให้น้ำ
และแน่นอนว่าสัตว์ทุกชนิดต้องการน้ำ เราจึงต้องมีถ้วยน้ำจัดเตรียมไว้ เพื่อรักษาระดับความชื้นภายในกล่องให้อยู่ในระดับที่แมงมุมต้องการ ถ้วยน้ำไม่ควรลึกและใหญ่จนเกินไป เพราะจะทำให้แมงมุมสามารถจมน้ำตายได้ง่ายมาก เนื่องจากมีช่องรับอากาศอยู่บริเวณใต้ท้อง ซึ่งเราสามารถใช้ฝาขวดน้ำ หรือถ้วยน้ำเล็กแบบเข้ามุมเพื่อความสวยงามก็ได้ เทคนิคคือเราจะเติมน้ำในถ้วยให้ล้นออกมาเล็กน้อยให้ชุ่มไปทั่วทั้งพื้นที่ประมาณ 1/3 ของที่เลี้ยง ซึ่งนั้นจะทำให้มีความชื้นอยู่ตลอดเวลา
4. สถานที่สำหรับหลบภัย
เมื่อมีพื้นรอง มีน้ำแล้ว เราก็ควรมีสถานที่ไว้สำหรับให้แมงมุมได้หลบภัย แมงมุมเป็นสัตว์หากินตอนกลางคืน ในตอนกลางวันมันจะซ่อนตัวอยู่ใต้ดิน หรือขอนไม้ จึงต้องมีที่หลบแดดให้ตอนกลางวัน วัสดุที่ใช้แนะนำว่าให้ใช้ดินเผา หรือเซรามิก ที่จัดตู้ปลา เพราะมีลวดลายที่สวยงามให้เลือกเยอะ หมดกังวลเรื่องเชื้อรา หรือจะใช้ท่อนไม้ผุก็มีความสวยงามไปอีกแบบ ในส่วนของสถานที่หลบภัยของแมงมุมนั้นไม่ได้มีรูปแบบที่ตายตัวแต่ถ้าเป็นท่อนไม้ต้องหมั่นดูแลเรื่องเชื้อราด้วยเช่นกัน เมื่อได้ที่หลบภัยแล้วก็จัดเอาไว้มุมหนึ่งของกล่อง ควรจัดไว้เป็นมุมตรงข้ามกับถ้วยน้ำ เพื่อให้เป็นที่แดดในเวลากลางวัน นำขุยมะพร้าวมากลบไว้ส่วนนึงเพื่อให้บรรยากาศใกล้เคียงกับธรรมชาติที่สุด
5. การให้อาหาร
เมื่อมีสถานที่สำหรับอยู่อาศัยแล้วการให้อาหารที่ดีก็เป็นสิ่งที่จำเป็นในการเลี้ยงแมงมุม เราควรให้อาหารเพียงอาทิตย์ละครั้ง ส่วนน้ำก็แค่คอยดูให้มีอยู่ในถ้วยตลอด อาหารที่แนะนำควรจะเป็นหนอนนกขนาดเล็ก หนอนนกมีสองสายพันธุ์คือแบบขนาดปรกติ สีเหลืองครีม กับหนอนนกพันธุ์จิ๋ว สีเข้มออกเหลืองผสมดำ หนอนนกอย่างหลัง จะหาได้จากคนขายแมงมุมบางเจ้า ซึ่งเค้าจะแถมมาให้กับแมงมุมที่ซื้อ หนอนพวกนี้สามารถเพาะเองได้ง่าย หนอนนกชนิดปรกติส่วนมากหาได้จากร้านขายปลาเลี้ยง หรือร้านขายอุปกรณ์ตกปลา เก็บรักษาง่าย ลูกจิ้งหรีดที่ตัวเล็กเท่าหัวเข็ม ขาจิ้งหรีด ลูกแมลงสาบDubia แมลงหวี่ไร้ปีก เนื่องจากในการเลี้ยงของใครหลายคนในตอนแรกนั้นจะเป็นลูกแมงมุม เลยสามารถให้อาหารบ่อยประมาณทุก 2-3 วันได้ เพราะตามธรรมชาติ ลูกแมงมุมต้องรีบโตให้เร็วที่สุดก่อนจะถูกนักล่าจับกิน พอมันโตแล้วค่อยเปลี่ยนเป็นอาทิตย์ละครั้ง
ขอบคุณรูปภาพจาก : petsayhai.com
ขอบคุณแหล่งที่มา : petsayhai.com