จริงหรือไม่? กาแฟ เป็นหนึ่งในสาเหตุโรคมะเร็ง?
ไม่นานมานี้หลายคนอาจเคยได้ยินข่าวจากทั้งใน และต่างประเทศว่า “การดื่มกาแฟ ก่อให้เกิดโรคมะเร็ง” เพราะผู้สื่อข่าวของรอยเตอร์เปิดเผยว่า ก่อนหน้านี้ องค์การวิจัยมะเร็งนานาชาติ หรือ IARC เคยระบุว่า มีความเป็นไปได้ที่กาแฟจะเป็นสารก่อมะเร็ง แต่ล่าสุด องค์การอนามัยโลก หรือ WHO ออกมาชี้แจงว่า “ไม่มีหลักฐานที่ชี้ชัดว่า การดื่มกาแฟ ก่อให้เกิดโรคมะเร็ง หากไม่ดื่มกาแฟขณะที่ร้อนจัดจนเกินไป”
ซึ่งจริงๆ แล้วไม่ว่าจะเป็นกาแฟ ชา หรือเครื่องดื่มชนิดอื่นๆ ก็ไม่ควรจะดื่มในขณะที่ร้อนเกินไป ร้อนเกินไปในที่นี้คือ ไม่ควรมีความร้อนเกิน 65 องศาเซลเซียส ไม่เช่นนั้น อาจเพิ่มความเสี่ยงที่จะทำให้เป็นมะเร็งที่หลอดอาหารได้ โดยเฉพาะคนในประเทศที่นิยมการดื่มเครื่องดื่มในขณะร้อนจัด อย่างจีน อิหร่าน ญี่ปุ่น ตุรกี รวมทั้งอเมริกาใต้ ควรเพิ่มความระมัดระวังในการดื่มเครื่องดื่มร้อนๆ เพราะพบว่าผู้คนจากประเทศเหล่านี้ มีความเสี่ยงในมะเร็งหลอดอาหาร เพราะนิยมดื่มเครื่องดื่มที่อาจมีอุณหภูมิสูงกว่า 65 องศาเซลเซียสนั่นเอง
มะเร็งหลอดอาหาร เป็นหนึ่งในมะเร็ง 8 ชนิด ที่ทำให้ผู้ป่วยต้องเสียชีวิตลงเป็นจำนวนมากในแต่ละปี โดยในปี 2012 มีการบันทึกว่า มีผู้เสียชีวิตจากโรคนี้ ประมาณ 400,000 คนเลยทีเดียว ดังนั้นจึงควรระมัดระวังไม่น้อยไปกว่ามะเร็งในส่วนของอวัยวะอื่นๆ
ทางด้านของ Gregory Hartl โฆษกขององค์การอนามัยโลกในกรุงเจนีวา กล่าวว่า นอกจากการดื่มเครื่องดื่มร้อนจัดแล้ว ยังพบว่า การสูบบุหรี่ และการดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ ก็มีความเสี่ยงต่อมะเร็งหลอดอาหารเช่นกัน และการศึกษาเรื่องการดื่มของร้อน ของ IARC ก็ควรต้องได้รับการขยายผล และศึกษาเพิ่มเติมอย่างละเอียดอีกครั้งเช่นกัน
ทางด้านศาสตราจารย์ David Spiegelhalter จากมหาวิทยาลัยเคมบริดจ์ กล่าวถึงผลงานของ IARC ในครั้งนี้ว่า อาจจะทำให้ผู้คนสับสนได้ เมื่อปีที่แล้ว ก็ออกมาประกาศว่า เบคอน เป็นอาหารก่อมะเร็ง ต่อมาก็บอกผลยังไม่ชัดเจน คราวนี้ ก็มาเตือนเรื่องเครื่องดื่มร้อน จริงอยู่ผลงานน่าสนใจ แต่น่าจะสรุปออกมาให้ชัดเจนกว่านี้ว่า อัตราความเสี่ยง มีมากน้อยแค่ไหน
อย่างไรก็ตาม Sanook! Health ขอแนะนำให้ทุกคนทานอาหารแต่ละชนิดอย่างพอดี ทานอาหารให้หลากหลาย ไม่ทานอาหารใดๆ ซ้ำๆ กันเป็นเวลานานเกินไป เพราะนอกจากจะเพิ่มความเสี่ยงในการเป็นโรคจากการรับสารอาหารชนิดใดชนิดหนึ่งมากจนเกินไปแล้ว อาจยังมีความเสี่ยงต่ออาการขาดสารอาหารด้วยค่ะ แล้วอย่าลืมออกกำลังกายเป็นประจำ และพักผ่อนให้เพียงพอด้วยล่ะ
ขอบคุณรูปภาพจาก : pexels.com
ขอบคุณแหล่งที่มา : sanook.com
ติดตามข่าวสาร ได้ที่ : thaigoodherbal.com