พรมแดนโก-ลกคึกคัก นักท่องเที่ยวแห่ข้ามแดนร่วมฉลองรายอฮัจยี คาดเงินสะพัดร้อยล้าน
ด่านพรมแดนโก-ลกคึกคัก แรงงานไทยและนักท่องเที่ยวแห่ข้ามแดน ฉลองเทศกาลรายอฮัจยี ที่ตรงกับ 29 มิ.ย. 2566 ทำให้เนืองแน่นไปด้วยผู้คนมารอลงตราประทับหนังสือเดินทาง คาดจะมีชาวมาเลเซียเข้าไทยกว่า 5 หมื่นคน ทำให้เศรษฐกิจภาคใต้เงินสะพัดกว่า 100 ล้านบาท ด้านรถรับจ้างฝั่งไทยรายได้เป็นกอบเป็นกำ
บรรยากาศด่านพรมแดนโก-ลกคึกคัก แรงงานไทยและนักท่องเที่ยวแห่ข้ามแดนฉลองเทศกาลรายอฮัจยี ที่ตรงกับวันที่ 29 มิ.ย. 2566 ทำให้เนืองแน่นไปด้วยผู้คนมารอลงตราประทับหนังสือเดินทาง คาดจะมีชาวมาเลเซียเข้าไทยกว่า 5 หมื่นคน ทำให้เศรษฐกิจภาคใต้เงินสะพัดกว่า 100 ล้านบาท
สำหรับบรรยากาศใกล้ถึงเทศกาลฮารีรายอ อีดิลอัฎฮา หรือรายอฮัจยี ของชาวไทยมุสลิม
ซึ่งจะตรงกับวันที่ 29 มิถุนายน 2566 ที่จะมาถึงนี้ จากการตระเวนตรวจสอบที่บริเวณด่านพรมแดน อ.สุไหงโก-ลก จ.นราธิวาส ซึ่งอยู่ตรงข้ามเมืองรันตูปันยัง รัฐกลันตัน ประเทศมาเลเซีย พบว่า ตั้งแต่ในช่วงเช้าที่ผ่านมา มีชาวไทยมุสลิมที่มีภูมิลำเนาส่วนใหญ่อาศัยอยู่ในพื้นที่ 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ ที่เดินทางข้ามแดนไปขายแรงงานยังเมืองต่างๆ ของรัฐกลันตัน ได้ทยอยเดินทางข้ามแดน รวมทั้งนักท่องเที่ยวชาวมาเลเซียและครอบครัว เพื่อมาร่วมเฉลิมฉลองเทศกาลรายอฮัจยี ทำให้บรรยากาศที่บริเวณด่านพรมแดน อ.สุไหงโก-ลก เนืองแน่นไปด้วยฝูงชน ที่ยืนต่อคิวในการประทับตราหนังสือเดินทางเข้าประเทศ
พ.ต.อ.พูลศักดิ์ แก้วสีขาว ผกก.ตม.จว.นราธิวาส จึงได้เดินทางมาอำนวยความสะดวก และสั่งการให้เจ้าหน้าที่ตำรวจตรวจคนเข้าเมือง เปิดช่องทางประทับตราหนังสือเดินทางเข้าประเทศ เป็นการเพิ่มเติมเพื่อให้มีปริมาณมีมากพอในการรองรับคนไทยและนักท่องเที่ยว ประการสำคัญได้แยกกลุ่มบุคคลที่เป็นคนชราและเด็ก เข้าประทับตราในช่องประทับตราหนังสือเดินทาง ที่มีการเปิดให้บริการเป็นกรณีพิเศษ
นอกจากนี้การเดินทางเข้ามาของคนไทยและนักท่องเที่ยวชาวมาเลเซีย ที่ต้องการข้ามแดนมาร่วมเฉลิมฉลองเทศกาลฮารีรายออีดิลอัฎฮา หรือ รายอฮัจยี ในครั้งนี้ ยังทำให้มีการจราจรที่บริเวณด่านพรมแดนสุไหงโก-ลก
เกิดการจราจรติดขัด จากปัญหานักท่องเที่ยวต้องทำหนังสือและยืนเอกสาร
เพื่อขออนุญาตนำยานพาหนะเข้ามาใช้ในประเทศไทย และจากสถิติของตำรวจตรวจคนเข้าเมือง ทราบว่า มีคนไทยและนักท่องเที่ยวชาวมาเลเซีย เดินทางข้ามแดนเข้ามาประเทศไทย วานนี้จำนวนกว่า 12,000 คน
และรวมวันนี้ซึ่งเป็นวันสุดท้ายที่คาดว่า จะมีคนไทยและนักท่องเที่ยวชาวมาเลเซีย เดินทางเข้ามาร่วมเฉลิมฉลองเทศกาลฮารีรายอ อีดิลอัฎฮา จำนวนกว่า 50,000 คน ส่งผลทำให้เศรษฐกิจโดยภาพรวมในพื้นที่ภาคใต้ มีเงินแพร่สะพัดหลาย 100 ล้านบาท และผลพวงของเทศกาลฮารีรายอ อีดิลอัฎฮา หรือรายอฮัจยี ยังส่งผลทำให้คนไทยที่มีอาชีพขับรถจักรยานยนต์รับจ้างรวมทั้งรถยนต์ตู้สาธารณะ มีรายได้เป็นกอบเป็นกำเช่นกัน
ด้าน พ.ต.อ.พูลศักดิ์ แก้วสีขาว ผกก.ตม.จว.นราธิวาส ได้กล่าวถึงกรณีคนไทยที่จะนำรถทุกชนิดไปเยี่ยมญาติหรือหาซื้อสินค้ามาร่วมฉลองเทศกาลฮารีรายอ ว่า ทางการประเทศมาเลเซียได้จัดระเบียบยานพาหนะของคนไทยที่จะนำเข้าไปประเทศมาเลเซียในช่วงนี้ ผมทราบข่าวจากหน่วย เจ.พี.เค
. หรือหน่วยกรมการขนส่งของประเทศมาเลเซีย เขาได้ส่งเจ้าหน้าที่ขนส่งส่วนกลางมาปฏิบัติการร่วมที่ด่านตรวจคนเข้าเมืองรันตูปันยัง ที่สำคัญเขาได้กำหนดว่า รถของประเทศไทยที่เข้าไปจะต้องทำประกันภัยทุกราย เขาจะเข้มงวดตรวจตรวจตราในการจับกุมในช่วงนี้และตลอดไป
นอกจากนี้ พ.ต.อ.พูลศักดิ์ ผกก.ตม.จว.นราธิวาส ยังกล่าวเพิ่มเติมอีกด้วยว่า ทราบปัญหามาคราวๆ ว่า ถูกกล่าวหาว่า มีการนำไปแอบรับจ้างทางฝั่งประเทศมาเลเซีย ทาง เจ.พี.เค.ทางฝั่งประเทศมาเลเซียเขาได้รับการร้องเรียนก็จะลงมาตรวจสอบอีกครั้งหนึ่ง.
ขอบคุณรูปภาพจาก : thairath.co.th
ขอบคุณแหล่งที่มา : thairath.co.th
ติดตามข่าวสารได้ที่ have-a-look.net