จับผัวเมียไต้หวัน หนีโกง 4 พันล้าน มากบดานในไทย ตม.ตามกลิ่นเจอ
ตำรวจ ตม.จับผัวเมียชาวไต้หวันหนีคดีฉ้อโกง 4,000 ล้านบาท มากบดานในคอนโดหรูย่านบางนา พบพฤติกรรมแสบร่วมกับพวกเปิดบริษัทหลอกนักลงทุนชาติเดียวกันร่วมหุ้น อ้างผลตอบแทนสูง เปิดได้ปีเดียวกลับปิดบริษัทหนีไปต่างประเทศกว่า 20 ปี เปลี่ยนชื่อและสัญชาติใหม่ ย้ายมาหลบซ่อนตัวในกรุงเทพฯ เจ้าหน้าที่ตามสืบจนพบสั่งถอนวีซ่า ไหวตัวขนข้าวของเตรียมหนีต่อไปสิงคโปร์ ไม่รอดถูกตะครุบคาลานจอดรถ
ตำรวจรวบผัวเมียชาวไต้หวันร่วมกับพวกตั้ง บริษัทหลอกนักลงทุนชาติเดียวกันก่อนหนีไปต่างประเทศเปลี่ยนชื่อ สัญชาติแล้วเผ่นมากบดานอยู่ในประเทศไทย เปิดเผยเวลา 11.30 น. วันที่ 28 มิ.ย.ที่สำนักงานตำรวจตรวจคนเข้าเมือง (สตม.) เมืองทองธานี อ.ปากเกร็ด จ.นนทบุรี
พล.ต.ท.ภาคภูมิภิภัทฒ์ สัจจพันธุ์ ผบช.สตม. พล.ต.ต.พันธนะ นุชนารถ รอง ผบช.สตม. พล.ต.ต.ปิยะอนันต์ โตสกุลวงศ์ ผบก.ตม.1 พ.ต.อ.ภาสกร รัตนปนัดดา รอง ผบก.ตม.1 และ พ.ต.อ.กาจภณ ปฐมัง ผกก.สส.บก.ตม.1 ร่วมกันแถลงจับกุมนายโกลเด้นท์ อายุ 64 ปี และนางมิยูกิ อายุ 57 ปี สองสามีภรรยาชาวไต้หวัน ผู้ต้องหาหนีหมายจับสาธารณรัฐจีน (ไต้หวัน) คดีร่วมกันฉ้อโกงผู้เสียหายรวมมูลค่ากว่า 4,000 ล้านบาท และหลบหนีออกจากประเทศเป็นเวลานานกว่า 20 ปี
พล.ต.ท.ภาคภูมิภิภัทฒ์เปิดเผยว่า คดีนี้สืบเนื่อง จากสำนักงานตรวจคนเข้าเมืองได้รับประสานจากสำนักงานเศรษฐกิจและวัฒนธรรมไทเป ประจำประเทศไทยว่าผู้ต้องหาตามหมายจับทั้งสองคนร่วมกับพวกอีกกว่า 10 ราย มีที่ถูกจับกลุ่มไปแล้วร่วมกันหลอกประชาชนชาวไต้หวัน
ส่วนพฤติกรรมการกระทำความผิดเริ่มตั้งแต่ปี 2543 ผู้ต้องหาสองผัวเมียร่วมกับพวกรวม 14 คน เปิดบริษัทชื่อ Richmon หลอกลวงประชาชนอ้างว่าเป็นบริษัทลูกของบริษัททางด้านการเงินชื่อดังระดับโลก ก่อนเปิดให้ลงทุนเพื่อแลกกับเปอร์เซ็นต์รายได้สูง ทำให้ชาวไต้หวันจำนวนมากสนใจร่วมลงทุน มีมูลค่าความเสียหายกว่า 114 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ หรือประมาณ 4,000 ล้านบาท
ผบช.สตม.กล่าวอีกว่า หลังเปิดบริษัทได้ 1 ปี ผู้ต้องหาปิดบริษัทแล้วหลบหนีออกนอกประเทศไปนานกว่า 20 ปี ระหว่างหลบหนีใช้อุบายปกปิดตัวตน ด้วยการเดินทางไปประเทศเบลีซ ประเทศขนาดเล็กริมทะเลแคริบเบียน และลงทุนจนได้รับสัญชาติและหนังสือเดินทางของประเทศเบลีซ
มีการเปลี่ยนชื่อและนามสกุลใหม่ ก่อนเดินทางเข้าไทย ในปี 2561 โดยใช้หนังสือเดินทางเบลีซ จากนั้นยื่นคำร้องขอเปลี่ยนการตรวจลงตราวีซ่าเป็นประเภท PE ด้วยการเป็นสมาชิก Thailand Privilege card และหลบซ่อนตัวอยู่ในคอนโดมิเนียมหรูย่านบางนา กทม.
กระทั่งตำรวจพบผู้ต้องหาทั้ง 2 คนคือบุคคลเดียวกับที่ทางการไต้หวันออกหมายจับและต้องการตัว
จึงเพิกถอนวีซ่า เมื่อผู้ต้องหารู้ว่าถูกยกเลิกวีซ่าได้จองตั๋วเครื่องบินและเก็บสัมภาระเตรียมเดินทางไปประเทศสิงคโปร์ แต่ถูกตำรวจบุกเข้าจับกุมได้ก่อนบริเวณลานจอดรถคอนโดมิเนียม
พล.ต.ท.ภาคภูมิภิภัทฒ์กล่าวอีกว่า การหลอกระดมทุนบริษัท Richmon นับเป็นคดีที่โด่งดังมากในไต้หวัน มีการเปิดบริษัทปลอม รู้จักกันในชื่อบริษัท Richmon อ้างเป็นบริษัทลูกของธนาคาร Richmon ที่อยู่ภายใต้องค์กรเจนีวายุโรป เป็นเครือข่ายสถาบันการเงินการธนาคารที่น่าเชื่อถือระดับสากล และได้รับสิทธิ์ในการควบคุมผลิตภัณฑ์การเงิน
เช่น การซื้อขายแลกเปลี่ยนเงินตราต่างประเทศล่วงหน้า รับประกันผลตอบแทนให้นักลงทุน ผู้ต้องหาสร้างงบการเงินและงบกำไรขาดทุนปลอมมารายงานนักลงทุนให้เชื่อว่าได้ผลตอบแทนจริง ทุกๆ 2 เดือนได้กำไรมากกว่า 4% หรือมากกว่า 24% ต่อปี แต่ต่อมากลับแจ้งว่าบัญชีบริษัท Richmon ที่อยู่ในสาธารณรัฐลัตเวียถูกอายัด ทำให้นักลงทุนสูญเงินทั้งหมด ไม่สามารถเรียกร้องค่าเสียหายกว่า 4,000 ล้านบาทได้ แต่เมื่อตรวจสอบกลับพบว่าองค์กรเจนีวายุโรป และธนาคาร Richmon ที่นำมากล่าวอ้างไม่ได้มีอยู่จริง
ด้าน พล.ต.ต.พันธนะ นุชนารถ รอง ผบช.สตม. กล่าวว่า หลังจับกุมนายโกลเด้นท์และภรรยา ชุดสืบสวนและหัวหน้าแผนกประสานงานอาชญากรรมประจำประเทศไทย กองบัญชาการตำรวจสืบสวนอาชญากรรม สำนักงานตำรวจแห่งชาติไต้หวันมาร่วมสอบปากคำขยายผลเพิ่มเติมเกี่ยวกับเส้นทางการเงินและทรัพย์สินอื่นๆของผู้ต้องหาตลอดจนเครือข่ายนอมินีในไทย
เบื้องต้นพบเป็นอสังหาริมทรัพย์คอนโดมิเนียมหรูมูลค่า 15 ล้านบาท และเงินสดในบัญชีธนาคารอีก 2 ล้านบาทเศษ แต่ขณะนี้ยังไม่ได้อายัดทรัพย์สินใดๆ เพราะต้องตรวจสอบว่ามีการกระทำความผิดภายในราชอาณาจักรไทยหรือไม่ เบื้องต้นยังไม่พบกระทำผิดภายในประเทศ ส่วนการดำเนินการเกี่ยวกับทรัพย์สินผู้ต้องหาต้องรอเป็นดุลพินิจของศาลอีกครั้ง เนื่องจากเป็นเรื่องระหว่างประเทศ ขณะนี้ได้ผลักดันผู้ต้องหาส่งกลับไปที่ประเทศไต้หวันเป็นที่เรียบร้อยเพื่อให้ไต้หวันเป็นคนดำเนินการทางคดีต่อไป
ขอบคุณรูปภาพจาก : thairath.co.th
ขอบคุณแหล่งที่มา : thairath.co.th
ติดตามข่าวสารได้ที่ have-a-look.net