[รีวิวซีรีส์] “Bloodhounds” ดุเดือด เลือดสาด เอาใจสายบู๊แบบสุดลิ่ม
ซีรีส์แนวแอ็กชันอาชญากรรม ที่สร้างมาจากเว็บตูน แบ่งแยกดำ ขาว ชัดเป๊ะ แต่เล่าเรื่องราวของคุณธรรมและความชั่วร้ายได้อย่างกลมกลืน ลื่นไหล ลุ้น ระทม ชวนติดตามตั้งแต่ต้นจนหยดสุดท้าย บอกเลยว่าเรื่องนี้มีเลือดสาดเต็มหน้าจอ กระซวกยับ อัดน่วม ปิดตาปี๋สำหรับสาว ๆ แต่เอาใจสายบู๊แบบสุดลิ่ม
จากเว็บตูนสายแอ็กชันผลงานการเขียนของ จองชาน มาสู่ผลงานการกำกับและเขียนบทของ เจสัน คิม (KiJason Kim) เป็น Original Netflix 8 ตอนจบ บอกเล่าเรื่องราวของสองหนุ่มนักชก ที่เปลี่ยนจากคู่แข่งเป็นคู่ซี้ และต้องมาผนึกกำลังกับเถ้าแก่ใจบุญ เพื่อต่อสู้กับแก๊งปล่อยเงินกู้นอกระบบสุดต่ำช้า จนเลือดสาดนอกสังเวียนแบบเจ็บยับ สมศักดิ์ศรี Bloodhounds กันไปเลย
การผูกเรื่องที่น่าติดตาม มีเหตุมีผล
บทเรื่องนี้ใช้การเดินเรื่องแบบสองตัวเอก ที่จัดให้นักมวยหนุ่มสองคนมาเจอกันบนสังเวียน คิมกอนอู (อูโดฮวาน) และ ชเวอูจิน (อีซังอี) การลงนวมครั้งนี้ชเวอูจินพ่ายแพ้ให้กับคิมกอนอู และทำให้สองคนกลายเป็นเพื่อนกัน แต่ถึงแม้ว่าศึกครั้งนี้คิมกอนอูจะเป็นฝ่ายชนะและได้รับเงินรางวัลแถมยังมีโอกาสไปต่อในเส้นทางนี้ แต่ก็ต้องดับฝันตัวเองลงไปอย่างช่วยไม่ได้ เพราะต้องหาเงินใช้หนี้ที่แม่ไปกู้ยืมมาจากเจ้าหนี้นอกระบบ ด้านชเวอูจินเมื่อรับรู้ความเดือดร้อนของเพื่อน ก็ยื่นมือเข้าช่วยเหลือสุดกำลัง
ซึ่งบทก็ผูกเรื่องราวให้คืบหน้าไปทีละนิด ด้วยการให้สองคนต้องพัวพันกันด้วยมิตรภาพ โยงดราม่าแบบใจแลกใจ ด้วยการใส่สายสัมพันธ์ของการเป็นรุ่นพี่รุ่นน้องนาวิกโยธินของทั้งสองคน เข้าไปเป็นกิมมิกเล็ก ๆ ในเส้นเรื่อง ด้วยการให้ชเวอูจินรักความเป็นนาวิกจนเข้าเส้นเลือด เป็นการขายขำเล็ก ๆ สไตล์ซีรีส์เกาหลี แต่ก็เป็นการสร้างเหตุผลให้คนดูยอมรับกับความสนิทสนมของตัวละครเอกสองตัว ได้อย่างไม่ติดใจสงสัย
แถมยังผูกความคลั่งไคล้นี้ต่อเนื่องไปถึงตัวละครตัวอื่น ที่ความเป็นนาวิกด้วยกันทำให้เกิดการยื่นมือเข้าช่วยเหลือที่ง่ายมากขึ้นไปอีก แล้วค่อย ๆ ต่อยอดเรื่องราวที่ลึกเข้าไปในเรื่องราวความแค้นแต่หนหลังของแก๊งเงินกู้นอกระบบ ด้วยการให้ คิมมยองกิล (พัคซองอุง) เจ้าของธุรกิจเงินกู้นอกระบบ ดำเนินธุรกิจด้วยความมืดดำขั้นสุด ชนิดที่เรียกว่าหน้าตัวเมีย มีความเกี่ยวพันในอดีตกับ ประธานชเว (ฮอจุนโฮ) อดีตเจ้าใหญ่ในตำนานของวงการเงินกู้ที่ล้างมือในอ่างทองคำ ด้วยการใช้เงินมหาศาลที่มีมาช่วยเหลือคนที่กำลังเดือดร้อน ด้วยการให้กู้โดยไม่คิดดอกเบี้ย
ด้วยพื้นเรื่องที่มีก็ทำให้การจับตัวละครเอกสองตัวใส่เข้าไปในวังวนนี้น่าสนใจมากยิ่งขึ้น พร้อม ๆ กับการขีดเส้นเรื่องไปที่การให้เหยื่อถูกตามทวงหนี้สุดโหดจากสัญญาที่ไม่เป็นธรรม ถูกหลอกลวงด้วยกลโกงที่เคยได้ยินว่ามีอยู่ในโลกของความเป็นจริง แถมยังสร้างเรื่องให้แก๊งนี้บิ๊กเบิ้มขึ้นไปอีกด้วยการให้เหยื่อไม่ได้มีเพียงแต่คนธรรมดาเท่านั้นที่ถูกคุกคาม แต่ลามไปถึงกลุ่มแชโบล (กลุ่มตระกูลธุรกิจขนาดใหญ่ 5 บริษัทในเกาหลีใต้ ที่ถือครองธุรกิจแทบทุกธุรกิจ) ที่คราวนี้กลุ่มแชโบลที่มักจะถูกแต่งตั้งให้เป็นตัวร้ายในซีรีส์เรื่องอื่น ๆ อยู่เสมอ ก็ถูกพลิกบทบาทมาเป็นเหยื่อกับเขาบ้าง
บทเข้มข้นที่แผ่วปลายแบบให้อภัยได้
ความเข้มขันของเรื่องนี้จัดได้ว่าไม่มีพักกันเลยค่ะ คุณผู้ชายดูเพลิน ส่วนผู้เขียนนั้นดูไปปิดตาไปในบางฉาก ก็มันหวาดเสียวจริง ๆ นี่ เพราะก็พี่แกเล่นจัดให้มีแก๊งฝ่ายคนดีกับแก๊งฝ่ายคนชั่วมาสู้กัน แน่นอนว่าสองหนุ่มนักมวยของเราต้องเป็นคนดีอย่างไม่ต้องสงสัย และการประจันหน้าของสองแก๊งก็มีเหตุผลซะด้วยสิ ซึ่งเป็นเหตุผลที่ไม่ใช่แค่แก๊งนักแลงตีกัน แต่เป็นเรื่องราวดราม่าที่เข้มลึกกว่านั้น โดยที่ทั้งสองแก๊งต่างมีเพฌชฆาตประจำแก๊ง ที่มีฝีมือระดับพระกาฬ
แต่ละคนมีคาแร็กเตอร์ที่แตกต่าง มีดราม่าประจำตัวที่ทำให้เราสามารถอินไปกับเรื่องราวของแต่ละคนได้ จนกลายเป็นซีรีส์อาชญากรรมที่ฆ่าฟันกันอย่างน้ำตาเล็ด มีความอบอุ่นของความสัมพันธ์แทรกอยู่ในเนื้อหาตลอดเส้นเรื่อง ตามสไตล์ซีรีส์เกาหลี โดยที่เนื้อเรื่องไม่ลืมที่จะบอกเราอย่างชัดเจนเลยว่าเราไม่ได้สบันสนุนคนชั่วเลยนะ ถึงตัวละครบางตัวจะกลับใจมาเป็นฝ่ายคนดีแล้วในตอนนี้ และทำให้คนดูเอาใจช่วยพวกเขาแค่ไหนก็ตาม แต่อาชญากรก็ยังคงมีอดีตที่ล้างไม่ออกอยู่วันยังค่ำ แต่ถ้าเราคิดจะทำความดีเป็นการไถ่โทษ ก็จงทำมันให้ถึงที่สุดอย่างมีศักดิ์ศรี
ซีรีส์เล่าเรื่องไปแบบกระชับ และจบตอนในทุก ๆ ตอนด้วยการทิ้งจุดพีคที่ค้างไว้ซะงั้นน่ะ ทำให้การดูซีรีส์เรื่องนี้ต้องให้เวลาพอสมควรเลยค่ะ เพราะคุณจะต้องดูต่อไปจนจบให้ได้ ไม่อย่างนั้นคาดว่าจะนอนไม่ค่อยหลับ กระสับกระส่ายแน่นอน โดยที่การเล่าเรื่องตั้งแต่ Ep1-Ep6 เต็มไปด้วยความมันสะใจ ความอบอุ่นจนยิ้มออก แต่ก็ต้องมาแผ่วลงใน Ep7-8 ซึ่งดูจะขัดกับความสมบูรณ์ในตอนต้นอยู่มาก
แต่ทั้งนี้ทั้งนั้นเราจะเข้าใจมันได้ค่ะ เพราะมันเกิดมาจากความขัดข้องบางประการของนักแสดงนำคนที่ 3 ที่ตอนแรกผู้เขียนดูแล้วก็หลงคิดไปว่า เอ๊ะนี่นางจะเป็นฝาแฝดกับซงจุงกิรึเปล่านะ ตัดผมสั้นแล้วเหมือนพี่น้องคลานตามกันมาซะงั้นน่ะ จนแอบเสียดายอยู่เล็ก ๆ ที่ความสนุกสนานในตอนท้ายหลุดธีมไปจาก 6 ตอนแรกพอสมควร เป็นการสรุปจบที่ง่ายกว่าที่คิด ความสาแก่ใจดอร์ปลงกว่าที่หวัง แต่ก็ไม่ได้ทำให้เสียอรรถรสไปมากนัก
ฝีมือของนักแสดง และแน่นอนต้องยกนิ้วให้การกำกับ
เราก็คงต้องขอบคุณ เจสัน คิม เขาแหละค่ะที่กำกับเรื่องนี้ออกมาได้ถูกใจคนดู มากกว่านั้นต้องชื่นชมนักแสดงนำสองคน อีซังอี และ อูโดฮวาน ที่ฟิตร่างกายจนเหมือนนักมวยได้ขนาดนี้ การต่อสู้ในช่วงแรกว่าเดือดแล้ว การต่อสู้ในช่วงท้ายของสองตัวเอกกลับดุเดือดมากยิ่งขึ้น ด้วยการให้ตัวละครมีความเป็นปุถุชนแบบอ่อนแอก็แพ้ไป มีการลุกขึ้นสู้และฟิตร่างการเพื่อกลับมาเอาคืน จุดนี้สมเหตุสมผลจนไม่ทำให้ตัวเอกกลายเป็นยอดมนุษย์ แต่เป็นเพียงคนธรมดาที่ต้องลุกขึ้นสู้กับความอยุติธรรม
เรื่องนี้สองหนุ่มฟิตกล้ามแบบ โอ้โห พ่อคุณเอ้ย กล้ามจะแตกไหมละนั่น เรียกว่ารับซีรีส์เรื่องนี้เรื่องเดียวนอกจากจะได้หุ่นเฟิร์ม ๆ แล้ว ยังได้ฝึกสกิลคิวบู้ที่สมจริง ถ้าเทียบกับคิวบู้เรื่องอื่น ๆ ที่จัดให้ตัวเอกเก่งเกินไป ชนิดที่ปล่อยหมัดเบา ๆ ตัวร้ายกลิ้งไปสามตลบ เราจะไม่เห็นแบบนั้นในเรื่องนี้ แต่สิ่งที่เราจะได้คือคิวบู๊มัน ๆ ที่ส่งเสียงตึ้บตั้บจนเจ็บแทน ถึงแม้ว่าในหลายฉาก หลายซีนจะดูโอเวอร์ไปบ้าง แต่ก็อยู่ในจุดที่ทำให้คนดู สามารถมีอารมณ์ร่วมได้อย่างไม่ขัดสายตา
ก็เอาเป็นว่า ซีรีส์เรื่องนี้เป็นแอ็กชันอาชญากรรมที่เต็มไปด้วยเชิงมวยแบบจัดหนัก และศิลปะการต่อสู้แบบผสมผสาน (MMA) ที่สมจริง น่าดูและดูสนุก มีความโดดเด่นและเป็นรสชาติใหม่ที่ควรลิ้มลองสักครั้ง ให้สาแก่ใจ
ขอบคุณแหล่งที่มา : entertainment.trueid.net
ติดตามข่าวสารได้ที่ have-a-look.net