ร้านผ้าไทยที่อีสานปลื้ม กระแส “ลิซ่า” คนแห่สั่งขายดีขึ้น หวัง รบ.ใหม่หนุนตาม
กระแส “ลิซ่า” ใส่ผ้าไทยไหว้พระที่อยุธยา ส่งผลให้ ร้านขายผ้าไหม-ผ้าฝ้ายที่บุรีรัมย์ ยอดกระเตื้องเริ่มมีออเดอร์สั่งตัด ด้านร้านผ้าไทยที่โคราชก็รับอานิสงส์ ขายดีขึ้นกว่าเดิมมาก โดยผ้ามัดหมี่ย้อมครามหมักโคลน หมดแล้วยังสั่งเพิ่มจากอุดรฯ ไม่ได้
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า หลังจากที่ได้มีการโพสต์และแชร์ภาพ “ลิซ่า แบล็กพิงค์” หรือ ลลิษา มโนบาล นักร้องดังระดับโลก สวมใส่ชุดผ้าไทย ไปทำบุญไหว้พระกับกลุ่มเพื่อน ที่ จ.พระนครศรีอยุธยา กลายเป็นกระแสฟีเวอร์ในโลกโซเชียล ทำให้บรรดาแฟนคลับ และประชาชน ต่างพากันเดินทางไปเที่ยวทั้งที่วัดมหาธาตุ วัดหน้าพระเมรุ วัดแม่นางปลื้ม กันอย่างคึกคักเพื่อตามรอยนักร้องดัง และหลายคนก็พากันไปเลือกซื้อชุดผ้าไทยเหมือนกับที่น้องลิซ่า สวมใส่คึกคักด้วยเช่นกัน
แต่กระแสดังกล่าวไม่ได้ส่งผลดีเฉพาะที่แหล่งท่องเที่ยว จ.พระนครศรีอยุธยา เท่านั้น
ยังส่งผลให้ร้านจำหน่ายชุดผ้าไหม ผ้าฝ้าย และผลิตภัณฑ์ชุมชนหลายร้านที่จังหวัดบุรีรัมย์ ซึ่งเป็นบ้านเกิดของน้องลิซ่า ก็ได้รับความสนใจจากทั้งข้าราชการ ประชาชน และบรรดานักศึกษา ต่างพากันแวะเวียนมาสอบถาม เลือกซื้อ และนำรูปถ่ายที่น้องลิซ่าสวมชุดผ้าไทยที่กำลังเป็นกระแสในโซเชียล มาให้ทางร้านดูเพื่อสั่งตัดอย่างต่อเนื่อง เพราะร้านที่จำหน่ายจะมีเครือข่ายกลุ่มผู้ผลิตผ้าไหม ผ้าไหมที่ขึ้นชื่อจากอำเภอต่างๆ สามารถผลิตลวดลายและสีตามที่ลูกค้าสั่งได้ จากนั้นทางร้านก็จะให้ช่างตัดเย็บตามออเดอร์ลูกค้า ถึงแม้จะไม่ใช่ “ผ้ามัดหมี่ย้อมครามหมักโคลน” ลายเดียวกับที่ลิซ่าสวมใส่ แต่ลูกค้าก็จะสั่งเป็นสีและลวดลายที่คล้ายคลึงกันมากที่สุด เพื่อนำไปสวมใส่ทำงาน และสวมใส่ไปเที่ยวตามสถานที่ต่างๆ เพื่อตามรอยนักร้องดังที่ตัวเองชื่นชอบ
นางโบว์ บูลเดอโรล เจ้าหน้าที่ประจำศูนย์จำหน่ายผลิตภัณฑ์ชุมชน คนของพระราชา ซึ่งเป็นศูนย์จำหน่ายที่รวบรวมผลิตภัณฑ์ชุมชนของแต่ละอำเภอ รวมถึงผลงานของนักศึกษามาวางจำหน่าย ก็บอกว่า หลังจากมีกระแส “ลิซ่า แบล็กพิงค์” สวมใส่ผ้าไทยไปไหว้พระ ก็เริ่มมี ข้าราชการ ประชาชน และนักศึกษา แวะเวียนมาสอบถาม เลือกซื้อผ้าไหม ผ้าฝ้ายที่ร้าน รวมถึงนำรูปถ่ายที่น้องลิซ่า สวมใส่ผ้าไทยมาให้ทางร้านดูเพื่อสั่งตัดชุดไทยไปสวมใส่ตามรอยน้องลิซ่ากันอย่างต่อเนื่อง บางคนบอกว่าถ้าไม่มีเหมือนที่น้องใส่ ก็ขอแค่สีหรือลวดลายคล้ายคลึงกับที่น้องลิซ่าสวมใส่ก็เอา ที่ร้านก็มีทั้งผ้าไหม ผ้าฝ้ายหลากหลายลวดลายให้เลือก
แต่หากลูกค้าท่านใดอยากจะได้สีหรือลวดลายอื่นที่ทางร้านอาจจะไม่มีวางขายอยู่ หากลูกค้าต้องการทางร้านก็จะประสานกับกลุ่มผู้ผลิตในแต่ละอำเภอ และประสานช่างตัดเย็บให้ตามที่ลูกค้าสั่งได้ ตอนนี้ก็เริ่มมีออเดอร์เข้ามาแล้ว ก็คาดว่ากระแสดังกล่าวจะส่งผลให้ยอดขายกระเตื้องขึ้น จากปกติก็มีข้าราชการ และประชาชนทั่วไปมาอุดหนุนต่อเนื่อง ยอดขายก็อยู่เฉลี่ยเดือน 2-3 หมื่นบาท หลังจากมีกระแสน้องลิซ่า ก็คาดว่าจะทำให้ยอดขายเพิ่มขึ้นอีก หากลูกค้าท่านใดสนใจผ้าไหม ผ้าฝ้าย ก็สามารถแวะมาชม เลือกซื้อหาได้ โดยร้านจะเปิดวันจันทร์-วันศุกร์ เวลา 08.30-16.30 น. ทั้งสามารถเข้าไปชมและสั่งซื้อได้ที่ เพจศูนย์จำหน่ายผลิตภัณฑ์ชุมชนมหาวิทยาลัยราชภัฏบุรีรัมย์ได้ ก็ขอบคุณน้องลิซ่าที่ทำให้ผ้าไทยกลับมาได้รับความสนใจอีกครั้ง
ขณะเดียวกันบรรยากาศที่ ร้านอุ้มรัก ที่เป็นร้านขายผ้าไทย
ตั้งอยู่ที่ภายในตลาดแม่กิมเฮง ต.ในเมือง อ.เมือง จ.นครราชสีมา เป็นร้านที่มีผ้าไทยหลากหลายรูปแบบให้ประชาชนได้เลือกซื้อ ทั้งชุดผ้าไหม ชุดผ้าฝ้าย ที่สำคัญยังมีชุดผ้าฝ้ายที่ซื้อมาจากตลาดผ้านาข่า เทศบาลตำบลนาข่า อ.เมือง จ.อุดรธานี ซึ่งเป็นผ้ามัดหมี่ย้อมครามหมักโคลน ก่อนที่จะนำมาทอและตัดเป็นชุดผ้าไทยรวมไปถึงตัดเป็นผ้าซิ่นแบบที่ ลิซ่า ใส่อีกด้วย
ด้าน นางพูลสวัสดิ์ ไชยเทศ เจ้าของร้านอุ้มรัก กล่าวว่า ในช่วงนี้ผ้าไทยขายดีขึ้นกว่าเดิมค่อนข้างมาก แต่ก็ไม่ได้คึกคักเหมือนตอนก่อนโควิด-19 ซึ่งผ้าไทยที่ทางร้านขายได้ส่วนใหญ่จะเป็นชุดผ้าไหมและผ้าซิ่นที่ผลิตจากผ้าฝ้าย นอกจากนี้ทางร้านของตนยังได้มีการสั่งชุดที่ผลิตจากผ้ามัดหมี่ย้อมครามหมักโคลนจากตลาดผ้านาข่า ที่จังหวัดอุดรธานีมาขายที่ร้านด้วย ซึ่งหลังจากกระแสที่ ลิซ่า ใส่ผ้าอาข่าทำให้ตอนนี้ตนไม่สามารถสั่งจองได้เลยเพราะคิวเต็มจนผลิตออกมาขายไม่ทัน
ส่วน นางอรุณรัตน์ ชิงชนะ พัฒนาการจังหวัดนครราชสีมา กล่าวว่า ต้องขอขอบคุณน้องลิซ่า ที่ทำให้กระแสผ้าไทย หรือผ้าถุงกลับมาคึกคักอีกครั้งหลังมีการแชร์ภาพที่น้องลิซ่าไปท่องเที่ยวที่จังหวัดพระนครศรีอยุธยาโดยสวมผ้าไทยไปเที่ยวกับเพื่อนๆทำให้ประชาชนตื่นตัวที่จะสวมผ้าไทยโดยเฉพาะผ้าซิ่นเพิ่มมากขึ้น โดยเฉพาะที่บ้านคึมมะอุ อ.บัวลาย มียอดจองเพิ่มมากขึ้น ถือเป็นซอฟต์พาเวอร์อีกทางหนึ่ง
ทั้งนี้จังหวัดนครราชสีมา พัฒนาการจังหวัดนครราชสีมา กล่าวต่อว่า
ทาง นายสยาม ศิริมงคล ผู้ว่าราชการจังหวัดนครราชสีมา ได้มีการรณรงค์ให้ส่วนราชการ เอกชน ประชาชน ร่วมกันสวมใส่ผ้าไทยเป็นประจำทุกวัน ยิ่งมีกระแสของน้องลิซ่า ยิ่งทำให้เป็นการสร้างการรับรู้ประชาสัมพันธ์ให้ประชาชนหันมาสวมใส่ผ้าไทยกันมากขึ้น และทุกการประชุมสัมมนาที่ทางจังหวัดจัดขึ้น นโยบายของผู้ว่าราชการจังหวัดนครราชสีมาได้เน้นย้ำให้มีการนำสินค้าของเกษตรกร โดยเฉพาะผ้าไทยมาจัดแสดงโชว์และจำหน่ายในการจัดงานแต่ละครั้งเพื่อสร้างรายได้ให้กับกลุ่มชาวบ้าน
นางอรุณรัตน์ กล่าวด้วยว่า อย่างไรก็ตามในพื้นที่จังหวัดนครราชสีมามีการผลิตผ้าไหม ผ้าฝ้าย ใน 22 อำเภอ จาก 32 อำเภอ แต่ตลาดใหญ่และมีชื่อเสียงจะอยู่ที่อำเภอปักธงชัย รวมถึงหากมีการจัดตั้งรัฐบาลชุดใหม่ขึ้นมาก็อยากให้ทางรัฐบาลส่งเสริมสวมใส่ผ้าไทยในทุกโอกาส เนื่องจากเป็นพรรคการเมืองของคนรุ่นใหม่ ถ้าหากรัฐบาลใหม่ส่งเสริมและรณรงค์ในการใส่ผ้าไทยเป็นตัวอย่างก็จะทำให้เยาวชนคนรุ่นใหม่หันมาสวมใส่ให้มากขึ้น.
ขอบคุณรูปภาพจาก : thairath.co.th
ขอบคุณแหล่งที่มา : thairath.co.th
ติดตามข่าวสาร ได้ที่ : thaigoodherbal.com