All-new Toyota C-HR 2024 (Gen 2) ถูกเปิดตัวอย่างเป็นทางการครั้งแรกที่ยุโรป
All-new Toyota C-HR 2024 ใหม่ ถูกเปิดตัวอย่างเป็นทางการครั้งแรกในโลกที่ยุโรป พร้อมขุมพลังที่มีให้เลือกทั้งไฮบริด 1.8 / 2.0 ลิตร เพิ่มเติมด้วยขุมพลัง Plug-in Hybrid 2.0 ลิตรเป็นครั้งแรก พร้อมระบุว่าเน้นจับกลุ่มลูกค้าชาวยุโรปโดยเฉพาะ
โตโยต้าระบุว่า All-new Toyota C-HRเจเนอเรชันที่ 2 ได้รับการออกแบบและพัฒนาเพื่อรองรับความต้องการของลูกค้าชาวยุโรปโดยเฉพาะ ชูจุดเด่นด้วยดีไซน์ภายนอกที่เปรียบเสมือนกับ “รถต้นแบบที่ใช้งานได้จริง” โดยยังคงเน้นเส้นสายที่ดูโฉบเฉี่ยวสไตล์รถคูเป้ พร้อมดีไซน์ด้านหน้าที่คล้ายคลึงกับ Prius และ bZ4X อีกทั้งยังโดดเด่นด้วยสีตัวถังแบบ Bi-tone ที่ใช้สีตัดกันระหว่างตัวถังส่วนหน้าและส่วนท้าย พร้อมด้วยล้ออัลลอยขนาดใหญ่สุดถึง 20 นิ้ว
Toyota C-HR รุ่นที่ผ่านมา แม้ในประเทศไทยจะขายไม่ค่อยดี แต่ในตลาดต่างประเทศนั้น C-HR รุ่นแรกสร้างยอดขายได้อย่างต่อเนื่องจนผู้บริหารของ Toyota ต้องวางแผนงานดันรถรุ่นที่สองออกมาขายตามกำหนดเวลาเดิม Toyota C-HR เป็นรถอเนกประสงค์ครอสโอเวอร์ในกลุ่ม C-segmen ของยุโรปและบางประเทศในเอเชีย ซึ่งเป็นกลุ่มที่มีการแข่งขันด้านการตลาดสูง สำหรับรถรุ่นใหม่ New C-HR 2023 แตกต่างจากสไตล์รถครอสโอเวอร์ทั่วไป จากการออกแบบที่ยังคงยึดโยงกับเส้นสายที่เฉียบคมและเร้าใจของรถต้นแบบแนวคิด ซึ่งใกล้เคียงกับรูปลักษณ์ของรถสปอร์ตครอสโอเวอร์ที่มีความร่วมสมัยน่าใช้งาน ลูกค้าให้การตอบรับเป็นอย่างดี มากกว่าครึ่งบอกว่า สไตล์ของรถ และฟีลลิ่งหลังพวงมาลัย เป็นเหตุผลหลักในการซื้อ Toyota C-HR ซึ่งเป็นรถเล็กรุ่นที่ทำตัวเลขดีที่สุดของ Toyota ในด้านยอดขาย
Toyota C-HR เจเนอเรชันใหม่ ยกระดับคุณภาพงานประกอบ วัสดุภายใน การออกแบบล้ำสมัย เทคโนโลยีขั้นสูง ระบบส่งกำลังแบบไฮบริด หรือแบบปลั๊กอินไฮบริดที่มีกำลังเพิ่มขึ้น ความสามารถในการขับใช้งานมากขึ้น ขยายขีดความสามารถในการขับด้วยไฟฟ้าล้วน นอกจากนี้ยังเป็นการตอกย้ำความมุ่งมั่นของ Toyota ที่ขายในยุโรป :Toyota C-HR เจเนอเรชันใหม่ ถือกำเนิดขึ้นจากทีมออกแบบของ Toyota ในยุโรป
All-new Toyota C-HR 2024 ภายในห้องโดยสารมีการเพิ่มคุณภาพของวัสดุเพื่อสะท้อนถึงความพรีเมียมยิ่งขึ้น
มาพร้อมหน้าจอแสดงข้อมูลการขับขี่ขนาด 12.3 นิ้ว (ขึ้นอยู่กับรุ่นย่อย) ที่ได้รับการพัฒนาให้แสดงผลได้อย่างคมชัด เข้าใจง่าย และยังสามารถตั้งค่าการแสดงผลล่วงหน้าได้ 3 รูปแบบเพื่อให้เหมาะสมกับการขับขี่ในขณะนั้น เช่น การแสดงข้อมูลระบบช่วยเหลือการขับขี่ (ADAS) เป็นข้อมูลหลักขณะขับขี่บนมอเตอร์เวย์ เป็นต้น
Toyota C-HR ใหม่ ยังถูกติดตั้งระบบไฟเรืองแสงภายในห้องโดยสารปรับได้ถึง 64 สี และสามารถปรับเปลี่ยนอัตโนมัติเป็นรายชั่วโมงตามช่วงเวลาของวันได้ถึง 24 สี อีกทั้งยังถูกใช้ร่วมกับระบบเตือนเมื่อเปิดประตู (Safe Exit Assist) ที่จะแสดงผลเป็นสีแดงหากพบว่าผู้โดยสารมีความเสี่ยงที่จะเปิดประตูชนเข้ากับรถยนต์หรือจักรยานยนต์ที่กำลังเคลื่อนตัวเข้ามาทางด้านข้าง โดย C-HR ถือเป็นรถรุ่นแรกของโตโยต้าที่นำเอาฟังก์ชันดังกล่าวมาติดตั้งลงในรถที่วางจำหน่ายจริง
ด้านระบบอินโฟเทนเมนท์ Toyota Smart Connect
มาพร้อมหน้าจอสัมผัสขนาด 8 นิ้ว หรือ 12.3 นิ้ว รองรับการเชื่อมต่อ Apple CarPlay และ Android Auto แบบไร้สาย สามารถแสดงสถานะของแบตเตอรี่ ระยะทางคงเหลือ รวมถึงตำแหน่งที่ตั้งของสถานีชาร์จแต่ละแห่ง และยังมีฟังก์ชันเชื่อมต่อสมาร์ทโฟน MyT เพื่อใช้งานฟังก์ชันจอดรถระยะไกลโดยที่ผู้ขับขี่ไม่จำเป็นต้องอยู่ภายในรถ ช่วยเพิ่มความสะดวกเมื่อจำเป็นต้องจอดรถในที่แคบ และฟังก์ชัน Digital Key ที่สามารถใช้สมาร์ทโฟนแทนกุญแจรถโดยไม่จำเป็นต้องหยิบโทรศัพท์ออกจากกระเป๋าเลยแม้แต่น้อย
ขณะที่ระบบความปลอดภัยขั้นสูง Toyota Safety Sense
มีการเพิ่มฟังก์ชันอย่างระบบ Acceleration Suppression ช่วยหน่วงคันเร่งหากพบว่ามีการเหยียบคันเร่งอย่างรุนแรงขณะที่มีสิ่งกีดขวางอยู่ด้านหน้า, ระบบ Proactive Driving Assist (PDA) ช่วยลดความเร็วอย่างนุ่มนวลเมื่อผู้ขับขี่ปล่อยคันเร่งขณะตัวรถกำลังเคลื่อนที่เข้าหารถคันหน้าหรือก่อนเข้าโค้ง และระบบ Steering Assist ที่สามารถตรวจจับโค้งที่อยู่ด้านหน้าก่อนจะเพิ่มแรงหมุนของพวงมาลัยเพื่อให้สามารถเข้าโค้งได้อย่างนุ่มนวลและมั่นคง
ด้านขุมพลังของ All-new Toyota C-HR 2024ใหม่ จะมีให้เลือกทั้งเครื่องยนต์ไฮบริด 1.8 ลิตร และ 2.0 ลิตร (HEV) พร้อมระบบขับเคลื่อนสี่ล้อ AWD-i เป็นออปชันเสริมในรุ่นไฮบริด 2.0 ลิตร โดยจะเพิ่มมอเตอร์ไฟฟ้าสำหรับขับเคลื่อนล้อคู่หลังอีก 1 ตัว เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการทรงตัวและยึดเกาะถนน
สรุป
ส่วนอีกรุ่นเป็นเครื่องยนต์ Plug-in Hybrid 2.0 ลิตร สามารถขับขี่ในโหมดไฟฟ้าล้วนได้ พร้อมฟังก์ชัน One pedal ที่สามารถปรับแรงหน่วงได้ 3 ระดับ สามารถปรับเปลี่ยนโหมดการขับขี่ได้โดยอัตโนมัติเพื่อลดการใช้พลังงานให้มากที่สุดจนกว่าจะถึงสถานีชาร์จถัดไป อีกทั้งยังสามารถปรับโหมดการขับขี่เป็นไฟฟ้าล้วน (EV) ได้โดยอัตโนมัติเมื่อรถเคลื่อนที่เข้าสู่เขตมลพิษต่ำ (LEZ – Low Emission Zone) ตามหัวเมืองใหญ่ของยุโรป
ทั้งนี้ All-new Toyota C-HR 2024ใหม่ เริ่มเปิดลงทะเบียนแสดงความสนใจจากลูกค้าชาวยุโรปเรียบร้อยแล้ว
อ้างอิง
https://www.sanook.com/
https://mydeedees.com/all-new-toyota-c-hr-2024-%e0%b9%80%e0%b8%9b%e0%b8%b4%e0%b8%94%e0%b8%95%e0%b8%b1%e0%b8%a7%e0%b8%97%e0%b8%b5%e0%b9%88%e0%b8%a2%e0%b8%b8%e0%b9%82%e0%b8%a3%e0%b8%9b/
|