ตดเหม็นมากเกิดจากอะไร ท้องไส้ยังปกติดีอยู่ไหมลองเช็กดู
ตด หรือการผายลมเป็นเรื่องธรรมชาติของมนุษย์ แต่หากมีอาการตดบ่อย แป๊บ ๆ เดี๋ยวลมก็ออก แป๊บ ๆ ก็ตด แบบนี้คงไม่ค่อยดีนัก เพราะนอกจากจะทำให้ใช้ชีวิตลำบากกว่าเดิมแล้วยังทำให้กังวลว่าการที่เราตดบ่อยนี่เกี่ยวกับปัญหาสุขภาพภายในด้วยไหม นั่นน่ะสิ…ตดบ่อย อันตรายหรือเปล่า แล้วตดบ่อยเกิดจากอะไร ลองมาอ่านดู
ตดเกิดจากอะไร
ตด เป็นกระบวนการขับลมหรือแก๊สในกระเพาะอาหารและลำไส้ โดยตดจะประกอบไปด้วยแก๊สที่ไม่มีกลิ่น 99% อันได้แก่ แก๊สไนโตรเจน คาร์บอนไดออกไซด์ ไฮโดรเจน ออกซิเจน และมีเทน ส่วนแก๊สมีกลิ่นนั้นมีอยู่เพียง 1% ในตดเท่านั้น ซึ่งแก๊สที่มีกลิ่นก็เกิดจากการหมักหมมของอาหารในลำไส้ ก่อให้เกิดเป็นกำมะถัน ต้นเหตุของกลิ่นเหม็นตุ ๆ ของตดนั่นแหละ
ทำไมเราถึงตด
สาเหตุที่ทำให้ผายลมเกิดจาก
– อากาศที่ผ่านเข้าลำไส้ทางจมูก หรือปากในช่วงที่เคี้ยวอาหาร
– การรับประทานอาหารที่มีกรด แก๊สมาก เช่น น้ำอัดลม ถั่ว ผักกะหล่ำปลี บรอกโคลี ดอกกะหล่ำ หัวหอม เครื่องดื่มแอลกอฮอล์ นม ไข่ ชีส อาหารไขมันสูง เป็นต้น
– การเคี้ยวหมากฝรั่ง หรืออมลูกอม
– การเคี้ยวอาหารไม่ละเอียด ทำให้อาหารย่อยไม่หมด และเกิดอาการท้องอืด มีแก๊สในลำไส้
– การรับประทานเนื้อสัตว์มากเกินไป ร่างกายจะย่อยอาหารประเภทนี้ได้ช้า และแบคทีเรียในลำไส้จะมาช่วยย่อย ก่อให้เกิดปฏิกิริยาการหมัก และเกิดแก๊สในลำไส้
– การรับประทานอาหารที่มีไขมันมากเกินไป ซึ่งร่างกายจะใช้เวลาในการย่อยไขมันนาน เสี่ยงต่อการเกิดแก๊สในกระเพาะและลำไส้ ทำให้เรอบ่อย หรือผายลมบ่อยได้
– ในคนที่ร่างกายไม่มีเอนไซม์ย่อยโปรตีนจากนม หากกินนม โยเกิร์ต และผลิตภัณฑ์จากนมเข้าไป ร่างกายก็จะย่อยไม่ได้ เปิดช่องให้แบคทีเรียเข้ามาทำปฏิกิริยาหมักและก่อให้เกิดแก๊สในลำไส้
– สำหรับคนที่แพ้กลูเตน เมื่อรับประทานอาหารที่มีกลูเตนเข้าไป เช่น ข้าวสาลี ขนมปัง ข้าวบาร์เลย์ ข้าวโพด ข้าวโอ๊ต ซีเรียล หรือพายบางชนิด ลำไส้ก็จะไม่สามารถย่อยกลูเตนได้ จนก่อให้เกิดอาการท้องอืด มีแก๊สในกระเพาะ และท้องเสียร่วมด้วย
– นอนไม่พอ วิตกกังวล ความเครียด อาจทำให้ระบบย่อยอาหารทำงานไม่ดี
– ระบบย่อยอาหารทำงานได้ไม่ดีอยู่แล้ว เช่น คนที่ท้องอืดประจำ
ตดบ่อยอันตรายไหม
โดยปกติแล้วคนเราจะตดประมาณ 10-20 ครั้งต่อวัน หรืออาจจะเกินไปเป็น 23 ครั้งต่อวันได้ คิดเป็นปริมาณแก๊สที่ปล่อยออกมาราว ๆ 0.5-1 ลิตรต่อวันเลยทีเดียว แต่หากว่าตดมากครั้งกว่านั้น อาจต้องลองสังเกตด้วยว่ามีอาการอื่น ๆ ประกอบด้วยหรือไม่ เช่น ปวดท้อง มวนท้อง คลื่นไส้ อาเจียน หรือมีอาการไม่สบายอื่น ๆ ซึ่งก็ควรไปพบแพทย์เพื่อตรวจวินิจฉัยความผิดปกติต่อไป
การที่เราตดหรือผายลมก็เป็นเรื่องปกติมาก ๆ แต่ถ้าตดนั้นมีกลิ่นที่ไม่ธรรมดา ชนิดที่เหม็นจัดจนตัวเองดมแล้วแทบจะเป็นลม หรือคนอื่นที่ได้กลิ่นก็ขมคอไปหมดแบบนี้ถือว่าผิดปกติไหม ใครที่ตดเหม็นไม่ไหวลองมาเช็กว่ามีปัญหาสุขภาพอะไรซ่อนอยู่หรือเปล่า
ตดเหม็น เกิดจากอะไร
ปกติแล้วตดเป็นกระบวนการขับลมในกระเพาะอาหารหรือลำไส้ ซึ่งลมเหล่านี้จะไม่มีกลิ่นใด ๆ แต่เมื่อเรารับประทานอาหารเข้าไป ลำไส้มีการหมักหมมของอาหารชนิดต่าง ๆ แล้วแบคทีเรียในลำไส้จะเข้ามาเก็บกินกากอาหารทั้งหลาย กระบวนการนี้จะก่อให้เกิดกำมะถันหรือซัลเฟอร์ ซึ่งเป็นสารที่มีกลิ่นเหม็นตุ ๆ แต่นอกจากนี้กลิ่นเหม็นของตดยังเกิดได้จากปัจจัยอื่น ๆ ด้วย เช่น
1. กินอาหารที่มีซัลเฟอร์สูง
คนที่กินโปรตีนเยอะ ๆ เมื่อผ่านกระบวนการย่อยก็อาจจะทำให้เกิดไฮโดรเจนซัลไฟด์มากขึ้น ซึ่งสารตัวนี้ก็เพิ่มระดับความเหม็นได้ และคนที่กินเครื่องเทศบางชนิดหรืออาหารที่มีซัลเฟอร์หรือกำมะถันสูง เช่น ถั่ว กระเทียม หัวหอม นม เนยแข็ง บรอกโคลี ผักตระกูลกะหล่ำ หน่อไม้ฝรั่ง ไข่ หรืองา ก็จะทำให้ตดมีกลิ่นเหม็นมากขึ้นได้เช่นกัน
2. รับประทานอาหารที่ร่างกายไม่สามารถย่อยได้
เช่น แลคโตสในนมวัว กลูเตน รวมไปถึงสารที่ให้ความหวานแทนน้ำตาล เช่น ซอร์บิทอล หรือไซลิทอล ที่ร่างกายของบางคนย่อยไม่ได้ ทำให้แบคทีเรียในลำไส้เพิ่มจำนวนเพื่อมาช่วยย่อยสารอาหารเหล่านี้ ซึ่งการมีแบคทีเรียบางชนิดในลำไส้มากกว่าปกติ ก็เป็นอีกหนึ่งสาเหตุที่ทำให้ตดมีกลิ่นเหม็นมากกว่าเดิม
3. ท้องผูก
อาการท้องผูกหมายถึงว่าเราไม่ได้ขับถ่ายของเสียออกมา ซึ่งตรงนี้แหละค่ะที่ทำให้เกิดแบคทีเรียในลำไส้มากขึ้น และทำให้ตดมีกลิ่นเหม็นตุ ๆ กว่าปกติได้ และอาจจะรู้สึกว่ามีอาการมวนท้องร่วมด้วย
4. การรับประทานยาบางชนิด
ยาบางชนิดก็มีผลข้างเคียงที่ทำให้เกิดอาการท้องอืด หรือท้องผูก และทำให้เกิดการสะสมของแบคทีเรียในลำไส้ ก่อกลิ่นตดเหม็น ๆ ได้เช่นกัน
ตดเหม็นผิดปกติแบบไหนต้องไปหาหมอ
บางทีการผายลมเหม็น ๆ อาจมาพร้อมกับอาการไม่สบายอื่น ๆ ด้วย ซึ่งหากเป็นความผิดปกติเหล่านี้ก็ควรรีบใส่ใจโดยด่วน
– ปวดท้องบ่อย ๆ หรือเป็นตะคริวที่ท้อง
– ท้องอืดบ่อย
– คลื่นไส้ อาเจียน
– ท้องเสียบ่อย
– ลำไส้มีความไวต่ออาหารที่กิน เช่น กินแล้วถ่ายเลย หรือกินอะไรก็ท้องเสีย เป็นต้น
– ถ่ายเป็นเลือด
– น้ำหนักลด
– มีไข้
– ปวดกล้ามเนื้อ หรือกล้ามเนื้ออ่อนแรง
แค่กลิ่นตดเหม็นมากอาจไม่ได้บอกถึงปัญหาสุขภาพอะไรเท่าไร แต่หากมีอาการผิดปกติเหล่านี้ร่วมด้วยก็ควรรีบไปพบแพทย์เพื่อวินิจฉัยอาการสักหน่อยนะคะ
ตดเหม็นควรทำไงดี ปัญหานี้ป้องกันได้
ตดเหม็นจนน่าอายควรทำไงดี เรามีวิธีมาบอก
* ลดการบริโภคอาหารซัลเฟอร์สูงต่าง ๆ เช่น ผักตระกูลกะหล่ำ ถั่ว ไข่ กระเทียม หัวหอม เป็นต้น
* กินอาหารครบ 5 หมู่ในสัดส่วนที่พอดี อย่าโหมกินหมู่ไหนมากจนเกินไป โดยเฉพาะโปรตีนที่อาจทำให้ตดเหม็นมากขึ้นได้
* หากย่อยแลคโตสจากนมวัวไม่ได้ก็หันมาดื่มนมแลคโตสฟรีแทน
* หลีกเลี่ยงการกินสารที่ให้ความหวานแทนน้ำตาล เช่น หมากฝรั่ง ลูกอม
* หากยาที่กินอยู่ทำให้เกิดอาการท้องอืดหรือท้องผูก ลองปรึกษาแพทย์เพื่อเปลี่ยนยาที่ไม่ก่อให้เกิดผลอาการข้างเคียงเหล่านี้
* ออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอเพื่อกระตุ้นระบบขับถ่าย และลดอาการท้องผูก
* ควรกินอาหารคำเล็ก ๆ เคี้ยวช้า ๆ ให้ละเอียด รวมถึงดื่มน้ำช้า ๆ เพื่อลดการกลืนอากาศลงกระเพาะอาหารระหว่างอ้าปากหรือเคี้ยว จะได้ผายลมน้อยลง
ไม่ตดเลยก็ไม่ดีอีก !
บางคนอาจมีอาการตดบ่อย แต่ก็มีเคสที่ไม่ตดเลยเหมือนกัน ซึ่งเคสนี้ก็อันตรายไม่เบานะ ยิ่งถ้ามีอาการปวดท้องอย่างรุนแรง ไม่ถ่ายมาหลายวัน ตดก็ไม่ตด อาจเป็นเพราะลำไส้อุดตันอยู่ก็ได้ ดังนั้นควรรีบมาพบแพทย์ให้เร็วที่สุดนะคะ
อย่างไรก็ดี หากมีอาการ ตด บ่อยโดยไม่มีอาการอื่น ๆ ร่วมด้วย อาจลองปรับเปลี่ยนพฤติกรรมการรับประทาน อาหารโดยเลี่ยงการรับประทานอาหารที่ไปเพิ่มแก๊สในกระเพาะอาหาร เช่น น้ำอัดลม แอลกอฮอล์ ถั่ว ผักบางชนิดที่ได้กล่าวข้างต้น หลีกเลี่ยงการรับประทานเนื้อสัตว์ในปริมาณมาก และลดการรับประทานอาหารไขมันสูง เคี้ยวอาหารให้ละเอียด เป็นต้น
แต่ถ้ารู้สึกไม่สบายใจกับอาการตดบ่อยของตัวเอง จะลองไปตรวจสุขภาพกับแพทย์อีกทีก็ได้ และขอย้ำกันอีกครั้งว่าหากมีอาการตดบ่อยและมีอาการปวดท้อง คลื่นไส้ อาเจียน หรืออาการป่วยอื่น ๆ ควรรีบไปพบแพทย์โดยด่วนนะคะ
สรุป
อย่างไรก็ตาม หากมีอาการตดเหม็นมาก ๆ ก็พยายามผายลมในที่ที่เป็นส่วนตัว อากาศถ่ายเทดี กลิ่นจะได้ไม่ไปรบกวนคนอื่นนะคะ และหากพบความผิดปกตินอกจากกลิ่นตดเหม็น ๆ ก็อย่าลืมไปตรวจสุขภาพด้วยล่ะ
แหล่งที่มา
https://health.kapook.com/
https://mydeedees.com/%e0%b8%95%e0%b8%94/
|