รีวิวเกม Chained Echoes จดหมายรักถึงเกม RPG 16 Bit ยุค 90S

หากคุณเล่นเกมมายาวนานจะรู้ว่ายุคทองของเกมแนว RPG คือยุค 90S ที่มีซีรีส์ดัง ๆ มากมายไม่ว่าจะเป็น Final Fantasy หรือ Dragon Quest ที่มีการสานต่อมาตั้งแต่ยุค 80S และเกมที่เป็นตำนานจนถึงทุกวันนี้อย่าง Chrono Trigger ที่ไม่มีใครทำได้เทียบเท่าจนถึงตอนนี้

จึงไม่แปลกที่จะมีผู้สร้างมากมายหลงเสน่ห์และพยายามสร้างตำนาน RPG ยุค 16Bit ด้วยตัวเองออกมาอย่างต่อเนื่อง และล่าสุดมีมีการเปิดตัวเกม Chained Echoes เกมแนว RPG แบบย้อนยุคแบบตั้งใจทั้งกราฟิกและรูปแบบการเล่น วางขายแบบดาวน์โหลดบน PS4, Xbox Series X|S และบน Nintendo Switch รวมทั้งบน PC ด้วย

เรื่องราวใน Chained Echoes จะเกิดในโลกแฟนตาซีที่มีผสมผสานความไฮเทคเข้าไปได้อย่างลงตัว ที่จะเกิดขึ้นในดินแดน Valandis ที่เกิดสงครามของ 3 อาณาจักร การเล่าเรื่องจะตัดสลับไปมาตลอด แม้ไม่มีคัตซีนแต่ก็ถ่ายทอดได้ดีในแบบยุค 16Bit แต่เนื้อเรื่องมีความรุนแรงพอสมควรแม้จะไม่มีภาพน่ากลัว ถือเป็นจุดเด่นเพราะเกมในอดีตไม่ค่อยมีใครใส่ความเข้มข้นระดับนี้เข้ามา

กราฟิกแบบ 16 Bit ที่ปรับให้ดูดี
อาจจะไม่ใช่เรื่องแปลกที่เกมจะใช้กราฟิกย้อนยุค แต่ใน Chained Echoes ไม่เหมือนเกมยุคใหม่ที่พยายามจะเป็นยุคเก่า เพราะมันพยายามจะถ่ายทอดกราฟิกทำออกมาแบบ 16Bit แท้ ๆ ผู้สร้างพยายามทำให้เหมือนของเก่าให้มากที่สุด แม้ว่างานออกแบบางส่วนของกราฟิกจะเหมือนของใหม่อย่าง Stardew Valley อยู่บ้างแต่ก็มีเอกลักษณ์อยู่พอตัว แต่ที่เหนือกว่าคือความรวดเร็วของการโหลด และการตัดเข้าฉากที่รวดเร็วมาก อย่างไรก็ตามงานออกแบบมีขอให้ติอยู่เล็กน้อยคือตัวละครไม่ค่อยโดดเด่นทำให้บางครั้งเราจำสลับตัวกัน ต่างจากเกมยุคเก่าที่งานออกแบบตัวละครโดดเด่นมาก

ส่วนของเรื่องราวแม้จะเข้มข้น แต่หากคุณไม่อยากเสพก็สามารถกดข้ามได้ทำให้ไม่ต้องการเสพเนื้อเรื่อง ส่วนเสียงพากย์ก็ไม่มีตามแนวทางย้อนยุค แต่ที่น่าแปลกใจและอาจจะเป็นข้อด้อยคือเพลงประกอบที่ไม่ได้ใช้เสียงแบบ 16Bit แต่ผู้สร้างกลับเลือกใช้เพลงแบบเกมยุคใหม่ซึ่งก็ไม่ผิด แต่เพลงที่ใส่เข้ามาทำได้เรียบไปหน่อยทำให้น่าผิดหวังเพราะเป็นที่รู้กันว่าเกม RPG ยุคนั้นจะมีเพลงที่ติดหูอย่างมาก แต่เกมนี้แทบไม่มี

เกมเพลย์ RPG ย้อนยุคที่ยังไม่เชย
สิ่งที่เป็นความโดดเด่นของเกมแนวย้อนยุคคือการสร้างรูปแบบการเล่นให้ย้อนยุค และมีการอ้างอิงถึงเกมคลาสสิกเพื่อเอาใจผู้เล่น และเกม Chained Echoes ก็มีสิ่งนี้อยู่พอสมควร เพราะมันนำเสนอแนว RPG เทิร์นเบสใส่คำสั่งแบบรอเวลา ซึ่งถือว่าเชยมากเข้ามาให้ใช้งาน แต่พอเล่นจริงเกมเพลย์มีความรวดเร็วมาก

เพราะเกมใช้ระบบการเจอศัตรูแบบ Chrono Trigger ที่จะไม่มีการตัดเข้าฉากต่อสู้ เราจะพบกับศัตรูในฉากแผนที่หรือดันเจี้ยนเลย ส่วนตัวแล้วชอบมากเพราะมันคือการผสมผสานของเก่าที่ยังไม่เชย และมันเป็นเกมในตำนานที่แฟน ๆ อยากให้สร้างใหม่มากที่สุด นอกจากนี้ผู้สร้างยังได้ใส่ฉากที่อ้างอิงไปถึง Chrono Trigger อยู่มากมาย ซึ่งหากคุณเคยเล่นมาก่อนต้องคุ้น ๆ กันบ้าง

ขอบคุณรูปภาพจาก : beartai.com

ส่วนฉากในเมืองหรือการแก้ปริศนาทำออกมาได้แบบผสมผสาน เพราะเกมไม่ได้บอกตรง ๆ ว่าต้องไปทำอะไรที่ไหน แต่จะมีการบอกเป็นตัวอักษรด้านล่าง ผู้เล่นต้องอ่านและไปทำตามภารกิจเอง ถือว่าเป็นการพบกันครึ่งทางเพราะในอดีตไม่มีการบอกอะไรเลย และมันก็ไม่ได้ง่ายแบบเกมยุคใหม่ที่แทบจะบอกทุกอย่างจนขาดความท้าทาย

ระบบดูแปลกแต่ปรับตั้งค่าได้เยอะ
อีกจุดที่เกมมีความโดดเด่นและพยายามใส่ความแปลกเข้าไปคือการที่ไม่มีระบบเลเวล ที่ปรกติเราจะต้องมานั่งเก็บค่าประสบการณ์เพื่อเพิ่มระดับเลเวล แต่ใน Chained Echoes จะใช้ระบบอัปเกรดสกิลผ่านการเก็บดาว ที่จะได้จากการต่อสู้กับศัตรู เอามาเพิ่มท่าไม้ตายใหม่ ๆ หรือเพิ่มค่าพลังชีวิตหรือ MP รวมทั้งเพิ่มพลังโจมตีให้แรงขึ้นได้ด้วยเช่นกัน

ระบบนี้ทำให้การเล่นค่อนข้างรวดเร็วเพราะไม่ต้องมานั่งเดินเก็บเลเวล ผู้เล่นสามารถเพิ่มค่าได้ตามต้องการ นอกจากนี้การอัปเกรดอาวุธจะใช้การตีบวกไอเทม ที่ต้องเก็บไอเทมมาเพิ่มค่าพลังและยังใช้ได้กับชุดเกราะด้วย ส่วนตัวละครจะมีทั้งหมด 8 ตัวและจะสามารถปรับแต่งได้ตามใจ แต่ในฉากต่อสู้จะเลือกออกมาใช้ได้ 4 ตัว และยังกำหนดได้ว่าตัวละครไหนจะเป็นหลัก

ส่วนระบบที่ดูแปลกและอาจจะเป็นข้อจำกัดในการเล่นคือระบบค่าพลังความร้อนในการต่อสู้ เพราะหากเราใช้ท่าไม้ตายรัว ๆ อย่างต่อเนื่องไม่หยุดจะเกิดอาการความร้อนสูงจนบางตัวละครไม่สามารถใช้งานได้ ทำให้ผู้เล่นต้องคอยมองค่าพลังความร้อนที่อยู่ด้านซ้ายบนของฉากต่อสู้ อีกส่วนที่น่าสนใจคือในเกมบางจุดเราจะได้ใช้งานหุ่นยนต์เพื่อต่อสู้ด้วยเหมือนเป็นการเอาส่วนหนึ่งใน Xenogears เข้ามาผสมรวมได้ลงตัว ปิดท้ายกับความยาวของเกมที่อยู่ในระดับกลาง ๆ เราสามารถจบได้ในเวลาประมาณ 30 ชั่วโมง ถือว่าอยู่ในระดับมาตรฐานสำหรับแนว RPG

Chained Echoes เป็นเหมือนจดหมายรักถึงเกม RPG ในยุค 90S ที่สร้างโดยทีมงานที่มีความรักในแนวเกมที่ในอดีตได้รับความนิยมอย่างมาก ทำให้มันมีความเป็นของเก่ามากกว่า แต่มันก็ไม่ได้ดูเชยเพราะมันมีความเร็วในการเล่นสูงกว่าเกมในอดีตมาก แถมยังมีระบบอัปเกรดตัวละครที่แตกต่างทำให้การเล่นลื่นไหลกว่า ใครชอบของเก่าที่ปรับแต่งให้เข้ากับยุคใหม่เป็นอีกเกมที่ไม่ควรพลาด

ติดดตามข่าวสารวงการเกมและอื่นๆ ได้ที่ : inwesport

ขอบคุณแหล่งที่มาจาก : beartai.com

ลิงค์รูปภาพ :

1. ภาพจาก : beartai.com

2. ภาพจาก : beartai.com