รู้จักโรคพยาธิในช่องคลอด สาเหตุ อาการและวิธีรักษาป้องกันอย่างถูกต้อง
พยาธิในช่องคลอด คือ หนึ่งในอาการที่เกิดขึ้นกับผู้หญิง โดยโรคชนิดนี้เกิดจากการติดเชื้อปรสิตจากการมีเพศสัมพันธ์ ทั้งนี้อาการที่เกิดจากโรคชนิดนี้จะทำให้สาวๆ มีอาการคันที่บริเวณอวัยวะเพศ วันนี้เราจึงอยากชวนให้มาทำความรู้จักกับอาการ วิธีป้องกัน และวิธีรักษาโรคพยาธิในช่องคลอดกันค่ะ เพื่อที่สาวๆ จะสามารถระมัดระวังตัวได้ตั้งแต่เนิ่นๆ
โรคพยาธิในช่องคลอด คืออะไร
โรคพยาธิในช่องคลอด หรือที่เรียกว่า Trichomoniasis คือ โรคที่เกิดจากการติดเชื้อปรสิตจากการมีเพศสัมพันธ์ โดยโรคชนิดนี้จะทำให้เกิดอาการคันที่บริเวณอวัยวะเพศ ช่องคลอดมีกลิ่นเหม็น ตกขาวจะมีลักษณะเป็นสีเขียวและเป็นฟอง มีอาการเจ็บขณะปัสสาวะ และยังเสี่ยงทำให้คุณแม่ตั้งครรภ์คลอดก่อนกำหนดได้อีกด้วย ทั้งนี้ผู้ชายก็มีโอกาสติดเชื้อนี้ได้เช่นกัน เพียงแต่มักจะไม่มีอาการแสดงออกมา สำหรับผู้ที่ติดเชื้อดังกล่าวนี้จะต้องกินยาปฏิชีวนะจนกว่าจะหายดี ที่สำคัญผู้ป่วยบางรายมีสิทธิ์ที่จะกลับมาติดเชื้อนี้หลังจากรักษาหายไปแล้วได้อีกเช่นกัน
อาการของโรคพยาธิในช่องคลอด
ในส่วนของอาการที่เกิดขึ้นเมื่อเป็นโรคพยาธิในช่องคลอด และสามารถสังเกตเห็นได้มีดังนี้
1.มีอาการตกขาวที่มากจนผิดปกติ ลักษณะของตกขาวจะเป็นฟอง มีสีขาว เทา เหลือง หรือเขียว และยังส่งกลิ่นเหม็นคาวปลาอีกด้วย
2.มีเลือดไหลออกมาจากช่องคลอด โดยเลือดที่ออกมาจะเป็นลักษณะแบบกะปริดกะปรอย หรือไหลออกมาเป็นจำนวนมาก
3.บริเวณอวัยวะเพศจะบวม แดง คัน และมีอาการแสบร่วมด้วย
4.มีอาการปวดปัสสาวะบ่อย
5.เจ็บปวดขณะปัสสาวะหรือมีเพศสัมพันธ์
วิธีป้องกันโรคพยาธิในช่องคลอด
ในส่วนของวิธีการป้องกันโรคพยาธิในช่องคลอดนั้น สาวๆ สามารถทำตามได้ดังนี้
1.หากมีอาการตกขาวผิดปกติ และมีความรู้สึกเจ็บปวดในช่วงที่กำลังปัสสาวะหรือมีเพศสัมพันธ์ ควรรีบไปพบแพทย์ทันที อย่าปล่อยปละละเลย เพราะจะยิ่งทำให้อาการแย่ลงได้
2.หากทราบว่าตัวเองและคู่นอนติดเชื้อพยาธิในช่องคลอด ให้รีบไปพบแพทย์เพื่อรับการตรวจรักษา ซึ่งจะเป็นการป้องกันไม่ให้เกิดการติดเชื้อซ้ำ และยังป้องกันไม่ให้เกิดการแพร่กระจายเชื้อไปสู่ผู้อื่นอีกด้วย
3.สวมถุงยางอนามัยทุกครั้งที่มีเพศสัมพันธ์ ซึ่งวิธีนี้เป็นวิธีการป้องกันที่ดีมากๆ โดยเฉพาะการป้องกันโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ชนิดต่างๆ
วิธีรักษาโรคพยาธิในช่องคลอด
ในกรณีที่สาวๆ หรือคู่นอนติดเชื้อพยาธิในช่องคลอด จะต้องรักษาโรคดังกล่าวด้วยวิธีดังต่อไปนี้
1.กินยาเมโทรนิดาโซลครั้งเดียวในปริมาณ 2 กรัม หรือกินวันละ 500 มิลลิกรัม แต่กินติดต่อกันนาน 5-7 วัน
2.กินยาตามแพทย์สั่งอย่างเคร่งครัด และควรพบแพทย์ทันทีเมื่อมีอาการผิดปกติเกิดขึ้นหลังจากใช้ยา
3.งดดื่มแอลกอฮอล์ในระหว่างที่ใช้ยาเมโทรนิดาโซล และควรหยุดดื่มเพิ่มไปอีกอย่างน้อย 3 วันหลังหยุดใช้ยาดังกล่าว ทั้งนี้เพื่อป้องกันอาการอาเจียน คลื่นไส้ ใจสั่น หัวใจเต้นเร็ง และผิวแดงที่อาจเกิดขึ้นได้
4.งดมีเพศสัมพันธ์ในระหว่างที่รักษาและหลังจากที่รักษาหายดีแล้วอย่างน้อย 1 สัปดาห์ เพื่อเป็นการป้องกันการแพร่กระจายเชื้อไปสู่ผู้อื่น
5.จำเป็นต้องพบแพทย์ตามที่นัดหมาย ทั้งนี้เพื่อสามารถติดตามผลการรักษาอย่างต่อเนื่อง
6.คุณแม่ตั้งครรภ์หรืออยู่ในช่วงให้นมบุตร ต้องปรึกษาแพทย์ก่อนกินยาเมโทรนิดาโซลก่อนทุกครั้ง
การเป็นโรคพยาธิในช่องคลอด ไม่เพียงแต่ทำให้เกิดอาการต่างๆ ตามที่กล่าวไปแล้วข้างต้นเท่านั้น แต่ยังมีภาวะแทรกซ้อนอื่นๆ เกิดขึ้นได้อีกด้วย เช่น ติดเชื้อโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์อื่นๆ เสี่ยงติดเชื้อไวรัสเอชไอวี เกิดภาวะติดเชื้อในอุ้งเชิงกราน และหญิงตั้งครรภ์เสี่ยงต่อการคลอดก่อนกำหนด ดังนั้นจึงควรป้องกันและดูแลตัวเองให้ดีอยู่เสมอ โดยเฉพาะในเรื่องของความสะอาดและการเปลี่ยนคู่นอนบ่อยๆ
ขอบคุณรูปภาพจาก : sanook.com
ขอบคุณแหล่งที่มา : sanook.com
ติดตามข่าวสาร ได้ที่ : mydeedees.com
|