ปธ.สภาอุตฯ ขอนแก่น ย้ำ หัวหน้าทีมศก.รัฐบาลใหม่เก่งไม่พอ ต้องฟังคนในพื้นที่ด้วย
ปธ.สภาอุตสาหกรรมขอนแก่น ย้ำชัดหัวหน้าทีมเศรษฐกิจของรัฐบาลชุดใหม่ ต้องเข้าใจพื้นที่มากกว่าการมีความรู้ความสามารถ โดยขอให้ฟังเสียงพื้นที่บ้างขณะที่ยังรอความชัดเจนของนโยบายขึ้นค่าแรง 450 บาท
เมื่อเวลา 13.30 น. วันที่ 24 พ.ค. 2566 ที่สำนักงานสภาอุตสาหกรรม จ.ขอนแก่น นายทวีสันต์ วิชัยวงษ์ ประธานสภาอุตสาหกรรม จ.ขอนแก่น เปิดเผยว่า เป็นสัญญาณที่ดี ที่แคนดิเดตนายกรัฐมนตรีของพรรคก้าวไกล คือนายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ หัวหน้าพรรคก้าวไกล ได้เข้าพบประธานสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย เพื่อรับทราบถึงปัญหาและประสานการทำงานร่วมกันในด้านต่างๆ ซึ่งสื่อถึงการฟังเสียงของภาคธุรกิจเอกชน เพื่อนำไปสู่แนวทางการดำเนินการในภาพรวมของประเทศ
ประธานสภาอุตสาหกรรม จ.ขอนแก่น กล่าวต่อว่า แต่ข้อกังวลและสิ่งที่น่าเป็นห่วงอย่างมากที่รัฐบาลชุดใหม่ที่กำลังฟอร์มทีมอยู่ในขณะนี้ จะต้องทำทันที คือ การลดค่าต้นทุนให้กับผู้ประกอบการ ทั้งเรื่องของราคาน้ำมัน และต้นทุนด้านพลังงานเชื้อเพลิงต่างๆ เพราะเป็นปัจจัยหลักอย่างมาก ยกตัวอย่างคือค่าขนส่งหากมาในภาคอีสาน ต่อคันค่าใช้จ่ายเพิ่มขึ้นถึง 30% ทั้งที่ในภาคตะวันออก หรือเขตปริมณฑลนั้นมีค่าใช้จ่ายไม่มาก ดังนั้นการส่งเสริมการลงทุน หากจะส่งเสริมภาคอีสานในการจัดตั้งเขตการค้าเสรี NEEC มีการพูดคุยกัน คือ นครราชสีมา, ขอนแก่น, อุดรธานี และหนองคาย สิทธิดึงดูดนักลงทุนจะต้องมากกว่าการแข่งขันในพื้นที่ภาคตะวันออกอย่างชัดเจน
“ทุกท่านล้วนมีความรู้ ความสามารถ แต่หัวหน้าทีมเศรษฐกิจ คือ รองนายกรัฐมนตรีที่จะคุมด้านเศรษฐกิจ จะต้องมีความเข้าใจพื้นที่ และสามารถที่จะบูรณาการกระทรวงด้านเศรษฐกิจที่เกี่ยวข้องทุกกระทรวงให้ได้ ไม่เกี่ยงว่าจะมาพรรคเดียวกันหรือพรรคร่วมรัฐบาล วันนี้เราเห็นอะไรใหม่ๆ เกิดขึ้นก็ขอให้เกิดการบูรณาการแบบครบศาสตร์และการเชื่อมต่อให้ครบทุกด้าน เนื่องจากเป็นหัวใจหลักที่ต้องชัดเจนและทำให้ได้ ที่ผ่านมาจะทำอะไรติดขัดไปหมดโดยอ้างกฎหมายแต่ละกระทรวงจนแก้ไม่ได้ นักลงทุนในประเทศและต่างประเทศ จะมาลงทุนก็มาติดเรื่องผังเมือง หรือข้อกฎหมายหรือระเบียบที่ไม่คุยกันจนหลายคนต้องยกเลิก วันนี้เวียดนามมาจัดแคมเปญ และเสนอสิทธิด้านการลงทุนที่น่าสนใจ ดังนั้นการแข่งขันด้านการค้าเสรีและการแข่งขันการค้าระหว่างประเทศ หัวหน้าทีมเศรษฐกิจ จะต้องเข้าใจบริบทของแต่ละพื้นที่ อย่ายึดแต่ภาพใหญ่ของประเทศ เพราะแต่ละจังหวัด และแต่ละพื้นที่นั้นแตกต่างกันชัดเจน” นายทวีสันต์ กล่าว
ประธานสภาอุตสาหกรรม จ.ขอนแก่น กล่าวต่อว่า จะเห็นได้ว่าตลาดหุ้นมีการเทขาย และมุมมองของภาคธุรกิจต่อประเทศไทยนั้นเริ่มชะลอลง ดังนั้นรัฐบาลที่กำลังฟอร์มทีมกันอยู่ต้องชัดเจนว่าเป็นใคร หรือกำหนดตัวบุคลอย่างไร เพราะส่งผลต่อความเชื่อมั่นอย่างมาก และคนที่จะมารับตำแหน่งจะต้องเชื่อมโยงทุกกระทรวงเข้ากันให้ได้เพื่อให้ประเทศนั้นเดินต่อไปไม่ใช่ยึดโยงแต่นโยบายของพรรคที่ประกาศมาจนทำให้เกิดการถ่วงดุลหรือความล่าช้าในการทำงาน เพราะขณะนี้เข้าสู่การพิจารณาเรื่องงบประมาณปี 2567 แล้ว และการลงทุนหลักที่ส่งผลต่อการกระจายรายได้ในระดับพื้นที่ คือ การลงทุนภาครัฐ อะไรทำต่อ หรือไม่ทำต่อจากรัฐบาลชุดเดิม ประเด็นนี้ต้องมาพูดกัน เพราะประชาชนรอจับตาอยู่
นายทวีสันต์ กล่าวด้วยว่า ถ้าจะมองไทม์ไลน์ที่กำหนดมานั้น เราจะเห็นรัฐบาลชุดใหม่ฟอร์มทีมได้ในเดือน ส.ค. 2566 แต่ข้อกังวลคือปมประเด็นต่างๆ ที่เกิดขึ้นจะทำให้ทุกอย่างล่าช้า ตั้งแต่การประชุม ส.ส.เพื่อเลือกประธานสภาฯ ที่อาจจะไม่เป็นไปตามไทม์ไลน์ที่กำหนด แต่ถึงอย่างไร การเบิกจ่ายงบประมาณ ตาม พ.ร.บ.ประจำปี 2567 ขอให้เกิดขึ้นไม่เกิน เดือน ก.พ. ปีหน้า หากล่าช้าจะส่งผลกระทบต่อการใช้จ่ายในการลงทุนของรัฐ ในพื้นที่ต่างๆ อย่างแน่นอน ส่วนการประกาศขึ้นค่าแรงวันละ 450 บาท เรื่องนี้ภาคการค้าและอุตสาหกรรมก็ยังคงสงสัยและต้องการความชัดเจนเช่นกัน เพราะหากประกาศขึ้นจริง ก็จะกระทบในวงกว้างอย่างแน่นอน.
ขอบคุณรูปภาพจาก : thairath.co.th
ขอบคุณแหล่งที่มา : thairath.co.th
ติดตามข่าวสารได้ที่ have-a-look.net