รถไฟฟ้าสายสีชมพูทดลองเดินรถ ม.ค. ปีหน้า-สีเหลืองกำลังทดลองระบบ
โฆษกรัฐบาลเผย ความก้าวหน้าโครงการรถไฟฟ้า 5 สาย เป็นไปตามแผนงาน 3 สาย คืนผิวจราจรได้ในปีนี้ สายสีเหลืองอยู่ระหว่างการทดสอบงานระบบ สายสีชมพูช่วงแคราย-มีนบุรี คาดเริ่มทดลองเดินรถ ม.ค. 67
วันที่ 25 พ.ค. 2566 นายอนุชา บูรพชัยศรี รองเลขาธิการนายกรัฐมนตรีฝ่ายการเมือง ปฏิบัติหน้าที่โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เผยถึงความก้าวหน้าการก่อสร้างรถไฟฟ้าในกรุงเทพมหานครและปริมณฑลของการรถไฟฟ้าขนส่งมวลชนแห่งประเทศไทย (รฟม.) ประกอบด้วย
1. โครงการรถไฟฟ้าสายสีส้ม ช่วงศูนย์วัฒนธรรมแห่งประเทศไทย-มีนบุรี (สุวินทวงศ์)
2. โครงการรถไฟฟ้าสายสีเหลือง ช่วงลาดพร้าว-สำโรง
3. โครงการรถไฟฟ้าสายสีชมพู ช่วงแคราย-มีนบุรี
4. โครงการรถไฟฟ้าสายสีชมพูส่วนต่อขยาย
5. โครงการรถไฟฟ้าสายสีม่วง ช่วงเตาปูน-ราษฎร์บูรณะ (วงแหวนกาญจนาภิเษก)
โดยการก่อสร้างรถไฟฟ้าทั้ง 5 โครงการ ณ สิ้นเดือนเมษายน 2566 มีความก้าวหน้าเป็นไปตามแผนงาน
นายอนุชา กล่าวว่า โครงการรถไฟฟ้าสายสีส้ม ช่วงศูนย์วัฒนธรรมแห่งประเทศไทย-มีนบุรี (สุวินทวงศ์) มีความก้าวหน้างานโยธา 99.85%
ขณะที่โครงการรถไฟฟ้าสายสีเหลือง ช่วงลาดพร้าว-สำโรง มีความก้าวหน้างานโยธา 98.99% งานระบบรถไฟฟ้า M&E มีความก้าวหน้า 99.07% ความก้าวหน้าโดยรวม 99.02%
ส่วนโครงการรถไฟฟ้าสายสีชมพู ช่วงแคราย-มีนบุรี มีความก้าวหน้างานโยธา 96.19% งานระบบรถไฟฟ้า M&E มีความก้าวหน้า 96.64% ความก้าวหน้าโดยรวม 96.43%
สำหรับโครงการรถไฟฟ้าสายสีชมพูส่วนต่อขยาย ช่วงสถานีศรีรัช-เมืองทองธานี ความก้าวหน้างานโยธา 25.24% ความก้าวหน้างานระบบไฟฟ้า 10.84% ความก้าวหน้าโดยรวม 20.41%
ด้านโครงการรถไฟฟ้าสายสีม่วง ช่วงเตาปูน-ราษฎร์บูรณะ (วงแหวนกาญจนาภิเษก) มีความก้าวหน้างานโยธา 10.41%
นายอนุชา กล่าวถึงข้อมูลล่าสุดจาก รฟม. เผยว่า ขณะนี้โครงการรถไฟฟ้าสายสีเหลืองฯ อยู่ระหว่างการทดสอบงานระบบเดินรถไฟฟ้าในระบบต่างๆ โดยเมื่องานระบบรถไฟฟ้าได้ผ่านการตรวจสอบรับรองความปลอดภัยแล้ว รฟม. จะได้แจ้งกำหนดการเปิดให้ประชาชนได้ทดลองใช้บริการรถไฟฟ้าสายสีเหลืองฯ และกำหนดการเปิดให้บริการอย่างเป็นทางการให้ประชาชนได้รับทราบต่อไป สำหรับโครงการรถไฟฟ้าสายสีชมพูฯ นั้น ผู้รับสัมปทานคาดว่าจะสามารถเริ่มทดลองการเดินรถได้ในเดือน ม.ค. 67 และมีกำหนดการเปิดให้บริการเดินรถตลอดเส้นทางภายในเดือน มิ.ย. 67
“รัฐบาลได้กำชับให้มีการตรวจสอบการดำเนินการก่อสร้างโครงการรถไฟฟ้าสายต่างๆ ตามมาตรการป้องกัน และลดผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม เร่งรัดการก่อสร้างให้เป็นไปตามแผนงานที่กำหนดไว้ โดยเน้นเรื่องการควบคุมสถานที่ก่อสร้าง ให้มีผลกระทบต่อการจราจรในปัจจุบันให้น้อยที่สุด และคำนึงถึงความปลอดภัยของพี่น้องประชาชนที่สัญจรด้วยเป็นสำคัญ ทั้งนี้ ขอให้ประชาชนผู้ใช้เส้นทางบริเวณแนวการก่อสร้างรถไฟฟ้า ได้ตรวจสอบข้อมูลการเดินทางก่อนออกจากบ้าน เพื่อความสะดวกรวดเร็วในการเดินทาง โดยสามารถติดตามข้อมูลข่าวสารแจ้งปิดเบี่ยงจราจรได้ที่เฟซบุ๊กแฟนเพจของแต่ละโครงการ และขอความร่วมมือผู้ใช้ทางโปรดขับขี่รถด้วยความระมัดระวัง เพื่อความปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สินของผู้ใช้ทางทุกคน” นายอนุชา กล่าว
ทั้งนี้ รฟม. ได้เร่งรัดการคืนผิวจราจรตามแนวเส้นทางโครงการรถไฟฟ้าสายสีส้ม โครงการรถไฟฟ้าสายสีเหลือง และโครงการรถไฟฟ้าสายสีชมพู ช่วงแคราย-มีนบุรี ที่ปัจจุบันมีความก้าวหน้าการก่อสร้างงานโยธาใกล้แล้วเสร็จ เพื่อบรรเทาผลกระทบจากการดำเนินงานโครงการฯ ให้แก่ประชาชน โดย รฟม. คาดว่าโครงการรถไฟฟ้าทั้ง 3 สายดังกล่าว จะสามารถคืนผิวจราจรได้ตลอดแนวเส้นทางภายในปี 2566
นอกจากนี้ รฟม. ยังสั่งการให้ผู้รับจ้างงานโยธา โครงการรถไฟฟ้าสายสีม่วง ช่วงเตาปูน-ราษฎร์บูรณะ (วงแหวนกาญจนาภิเษก) ที่อยู่ในระยะแรกของการดำเนินงานก่อสร้าง ปฏิบัติตามมาตรการความปลอดภัยในงานก่อสร้างอย่างเคร่งครัด หมั่นตรวจสอบและจัดสภาพหน้างานให้อยู่ในสภาพเรียบร้อย และจัดเก็บอุปกรณ์เครื่องมือเครื่องจักรให้เรียบร้อยและปลอดภัย ไม่กีดขวางการจราจร ตรวจสอบการจัดแนวแบริเออร์ให้เป็นระเบียบ
และปิดกั้นแนวรั้วคอนกรีตบริเวณจุดที่เป็นอันตราย พร้อมทั้งติดตั้งไฟส่องสว่างให้ชัดเจน รวมถึงจัดให้มีเจ้าหน้าที่อาสาจราจรในพื้นที่ที่ผู้ใช้ทางข้ามถนนจำนวนมาก ควบคู่กับการติดตั้งป้ายเตือน ป้ายทางเบี่ยง ทางเลี่ยงที่สังเกตเห็นได้ชัดเจนสำหรับผู้ใช้รถใช้ถนน เพื่อเตรียมความพร้อมในการอำนวยความสะดวกและปลอดภัยในบริเวณพื้นที่ก่อสร้างโครงการ รองรับการจราจรในช่วงเปิดภาคเรียนได้อย่างเหมาะสม
รวมถึงสั่งการให้ผู้รับจ้างทุกโครงการตรวจสอบระบบระบายน้ำในพื้นที่จุดเสี่ยงที่อาจเกิดน้ำขัง และดำเนินการลอกท่อระบายน้ำก่อนเข้าฤดูฝน ควบคู่กับการจัดเตรียมเจ้าหน้าที่และเครื่องสูบน้ำให้พร้อมใช้งานอยู่เสมอ พร้อมประสานให้ความร่วมมือกับหน่วยงานท้องถิ่นในการเร่งระบายน้ำได้อย่างทันท่วงที เพื่ออำนวยค
ขอบคุณรูปภาพจาก : thairath.co.th
ขอบคุณแหล่งที่มา : thairath.co.th
ติดตามข่าวสารได้ที่ have-a-look.net