โรคคลั่งผอม หรือ Anorexia (อะนอเร็กเซีย)
โรคคลั่งผอม คือโรคการกินผิดปกติ ที่เกิดจากปัญหาสุขภาพจิต โดยผู้ป่วยจะมีน้ำหนักที่น้อยและมีรูปร่างที่ผอมมากนั่นเอง ผู้ป่วยอาจมีพฤติกรรมเสี่ยงเกี่ยวกับการควบคุมน้ำหนัก อย่าง ล้วงคออาเจียนหลังทานอาหาร ใช้ยาลดน้ำหนัก ยาขับปัสสาวะ หรือการอดอาหารนั่นเอง ซึ่งแก้ได้ยาก เพราะผู้ป่วยส่วนใหญ่ ไม่คิดว่าตัวเอง ป่วยและไม่อยากแก้
อาการที่อาจเป็นได้ของ โรคคลั่งผอม
น้ำหนักลดลงมากเกินไป
รูปร่างผอมแห้ง ไม่มีกล้ามเนื้อ / ไขมัน
จำนวนเม็ดเลือดผิดปกติ
เกิดอาการเมื่อยล้า
เวียนหัว
นอนไม่หลับ
นิ้วเขียวซีด ปากแห้ง
ผิวแห้ง เหลือง
ผมบาง / ร่วง
ประจำเดือนไม่มา
ท้องผูก
หัวใจเต้นผิดจังหวะ
ความดันโลหิตต่ำ
กระดูกเปราะ
แขนหรือขาบวม
อาการทางด้านพฤติกรรม :
อดอาหาร หรือ กินน้อย
ออกกำลังหายอย่างหักโหม
ล้วงคอ
ใช้ยาระบาย ยาลดน้ำหนัก
อาการทางด้านจิตใจ :
คิดมากเกี่ยวกับการกิน นับแคลอรี่
เกิดอาการเบื่ออาหาร
กังวลเรื่องน้ำหนักตัว
หมกหมุ่นเกี่ยวกับรูปร่างตัวเอง และไม่ยอมรับว่าตัวเองน้ำหนักต่ำกว่าปกติ จึงลดอย่างต่อเนื่อง
แยกตัวจากสังคม
หงุดหงิด หรือซึมเศร้า
คิดฆ่าตัวตาย
Anorexia เกิดจากอะไร?
ยังไม่ทราบสาเหตุของโรคนี้ แต่โรคนี้มีปัจจัยเสี่ยงที่เกิดขึ้นร่วมกัน ได้แก่
ยีนหรือพันธุกรรม
ข้อสันนิษฐานเกี่ยวกับยีน การทำงานในสมอง หรือระดับฮอร์โมนที่เปลี่ยนแปลงไปผู้ที่มีบุคคลในครอบครัวป่วยเป็นโรคผิดปกติเกี่ยวกับการกิน โรคซึมเศร้า หรือใช้สารเสพติด มีความเสี่ยง
สภาวะจิตใจ
สภาวะอารมณ์หรือจิตใจบางอย่างอาจส่งผลให้ป่วยเป็น อะนอร์เร็กเซีย ได้ โดยผู้ที่ประสบสภาวะอารมณ์หรือจิตใจต่อไปนี้อาจเสี่ยงป่วยเป็น โรคคลั่งผอม
มีแนวโน้มเป็นโรคซึมเศร้าและวิตกกังวล
จัดการความเครียดได้ไม่ดี
กังวล กลัว และคิดมากเกี่ยวกับอนาคตมากเกินไป
เสพติดความสมบูรณ์แบบ
เคร่งครัด
มีพฤติกรรมย้ำคิดย้ำทำ
สภาพแวดล้อม
การรับเอาวัฒนธรรมและค่านิยมความผอมที่เผยแพร่ตามสื่อต่าง ๆ อาจเกิดปัจจัยจากสภาพแวดล้อมอื่น ๆ เช่น
แรงกดดันจากเพื่อนที่นิยมรูปร่างผอม
ถูกกลั่นแกล้งล้อเลียนเรื่องรูปร่างและน้ำหนัก
เหตุการณ์ที่ก่อให้เกิดความเครียด
เผชิญกับปัญหาความสัมพันธ์ในครอบครัว
ถูกทำร้ายร่างกายหรือทารุณกรรมทางเพศ
วิธีการรักษา
จิตบำบัด ผู้ป่วยโรค Anorexia จะได้รับการรักษาด้วยวิธีจิตบำบัดต่าง ๆ เวลาประมาณ 6-12 เดือน
Focal Psychodynamic Therapy : FPT เป็นวิธีจิตบำบัด ที่เน้นให้ผู้ป่วยรับมือกับภาวะทางจิต ความคิด หรือความรู้สึกที่เกิดขึ้น อาจเกี่ยวเนื่องกับปมขัดแย้งที่เกิดขึ้นในวัยเด็กหรือในอดีต นักบำบัดจะกระตุ้นให้ผู้ป่วยนึกถึงปมขัดแย้งที่ส่งผลต่อตัวเอง เพื่อช่วยหาวิธีรับมือกับพฤติกรรม หรือความคิดเหล่านั้นนั่นเอง
จิตบำบัดสัมพันธภาพระหว่างบุคคล (Interpersonal Therapy: IPT) วิธีนี้เชื่อว่า ความสัมพันธ์ต่อผู้คนรอบข้างและสิ่งแวดล้อมภายนอกมีอิทธิพลต่อสุขภาพจิต นักจิตบำบัดจึงจะพิจารณาความสัมพันธ์กับบุคคลรอบข้างของผู้ป่วยและหาวิธีแก้ไขพฤติกรรมหรือความคิดดังกล่าวได้อย่างไร
ความคิดเและพฤติกรรมบำบัด (Cognitive Behavioural Therapy: CBT) วิธีนี้จะโฟกัสไปที่ทัศนคติที่จะส่งผลต่อพฤติกรรมของผู้ป่วย โดยนักบำบัดจะช่วยปรับความคิดของผู้ป่วย ซึ่งจะนำไปสู่การปรับเปลี่ยนพฤติกรรมนั่นเอง
Cognitive Analytic Therapy (CAT)วิธีนี้จะโฟกัสไปที่ ปัญหาสุขภาพจิตที่เกิดขึ้นเกิดจากรูปแบบพฤติกรรมหรือความคิดที่ไม่ส่งผลดีต่อสุขภาพ
การบำบัดครอบครัว (Family Interventions) ในกรณีที่ผู้ป่วย Anorexia ยังมีอายุน้อย การบำบัดครอบครัวนั้นสำคัญมาก โดยจะมุ่งเน้นไปที่ผลกระทบโรคที่ส่งผลต่อครอบครัว ซึ่งจะช่วยให้เข้าใจลักษณะของโรคและวิธีที่บุคคลในครอบครัวจะช่วยเหลือผู้ป่วยด้วย
วิธีเพิ่มน้ำหนัก แผนการรักษาโรคนี้จะครอบคลุมคำแนะนำในการรรับประทานอาหารเพื่อเพิ่มน้ำหนักตัวอย่างปลอดภัย โดยแพทย์จะให้ผู้ป่วยเริ่มรับประทานอาหารในปริมาณน้อย และค่อย ๆ เพิ่มปริมาณอาหารอย่างช้า ๆ เมื่อร่างกายปรับตัวได้แล้ว
ยารักษา โรค Anorexia ไม่สามารถรักษาได้ด้วยยาเพียงอย่างเดียว แพทย์มักใช้รักษาควบคู่กับวิธีบำบัด โดยใช้ยาเพื่อรักษาภาวะทางจิตอื่น ๆ ที่เกิดขึ้นร่วมด้วย เช่น โรคย้ำคิดย้ำทำ หรือโรคซึมเศร้า ยาที่ใช้รักษาผู้ป่วย Anorexia ได้แก่ ยากลุ่มเอสเอสอาร์ไอ และยาโอแลนซาปีน
โรคล้วงคอ หรือ บูลิเมีย (Bulimia)
ผู้ป่วยจะรับประทานอาหารปริมาณมากตามด้วยการกำจัดอาหารที่เพิ่งรับประทานเข้าไปเพื่อไม่ให้น้ำหนักตัวเพิ่มขึ้น โรค Bulimia เกิดขึ้นได้กับคนทุกเพศทุกวัย แต่พบได้บ่อยในกลุ่มวัยรุ่นเพศหญิง
อาการที่อาจเป็นได้ของโรค Bulimia
รับประทานอาหารปริมาณมากในช่วงเวลาสั้น ๆ
จำกัดปริมาณอาหาร
ล้วงคอเพื่อให้อาเจียน
ออกกำลังกายอย่างหักโหม
ใช้ยาระบาย ยาขับปัสสาวะ
ใช้อาหารเสริมหรือผลิตภัณฑ์สมุนไพรเพื่อลดน้ำหนัก
กังวลว่าน้ำหนักตัวจะเพิ่มขึ้น
หมกมุ่นอยู่กับน้ำหนักและรูปร่าง
มีความคิดแง่ลบต่อภาพลักษณ์ของตัวเอง
ควบคุมพฤติกรรมการรับประทานอาหารไม่ได้
สภาวะอารมณ์เปลี่ยนไปจากปกติ เช่น รู้สึกเครียด หรือวิตกกังวล
ประจำเดือนมาผิดปกติ
สาเหตุของ Bulimia
ในทางการแพทย์ปัจจุบันยังคงไม่ทราบสาเหตุที่แน่ชัดของโรค Bulimia แต่โรคนี้อาจเกิดจากปัจจัยต่าง
อายุ : มักพบมากในช่วงวัยรุ่นตอนปลายจนถึงช่วงผู้ใหญ่ตอนต้น
เพศ: เพศหญิงมีโอกาสเป็นโรค Bulimia มากกว่าเพศชาย
พันธุกรรม : ผู้ที่มีประวัติบุคคลในครอบครัว (โดยเฉพาะญาติสายตรงลำดับที่ 1) ป่วยเป็นโรคผิดปกติเกี่ยวกับการกิน เป็นโรคซึมเศร้า ติดสุรา หรือติดยาเสพติด
สภาวะทางร่างกาย ภาวะขาดสารสื่อประสาทเซโรโทนินในสมอง หรือการมีน้ำหนักตัวมากในวัยเด็กและวัยรุ่นก็อาจเป็นปัจจัยที่ทำให้เกิดโรคนี้ได้
สภาวะทางจิตใจ สภาวะอารมณ์และปัญหาสุขภาพจิตบางอย่าง เสี่ยงป่วยเป็นโรค Bulimia ได้ เช่น ความเครียด โรควิตกกังวล
การเผชิญสถานการณ์ที่ทำให้เกิดความเครียดหรือส่งผลกระทบต่อสภาพจิตใจ เช่น การถูกคุกคามทางเพศ
ค่านิยมตามสื่อต่าง ๆ สื่อโทรทัศน์ อินเทอร์เน็ต
อาชีพ นักกีฬา นักแสดง นักเต้น หรือนางแบบ เป็นกลุ่มอาชีพที่มีความเสี่ยงสูง เนื่องจากผู้ฝึกสอนหรือผู้ปกครองอาจคอยกระตุ้นให้ลดน้ำหนัก
ระดับความรุนแรงของโรค Bulimia
ระดับไม่รุนแรง: 1-3 ครั้ง/สัปดาห์
ระดับปานกลาง: 4-7 ครั้ง/สัปดาห์
ระดับรุนแรง: 8-13 ครั้ง/สัปดาห์
ระดับรุนแรงมาก: มากกว่า 13 ครั้ง/สัปดาห์
ภาวะแทรกซ้อนของโรค Bulimia
คนที่ประสบกับปัญหา Eating Disorder โรคบูลิเมียมัก ได้รับผลกระทบที่ส่งผลต่อร่างกายและจิตใจ มีตั้งแต่อาการเล็กน้อยถึงขั้นตรายต่อชีวิต ซึ่งผลแทรกซ้อนหรืออันตรายจากโรคบูลิเมียมีผลจากการได้รับสารอารที่ไม่ครบถ้วน จากการล้วงคอ รวมไปถึงการใช้ยาระบาย ยาขับปัสสาวะ และยาลดความอ้วนเป็นประจำอีกด้วยค่ะ
ผิวพรรณแห้งเหี่ยวย่น
รู้สึกเหนื่อยล้า อ่อนเพลีย เวียนศีรษะ
ผมร่วง เล็บไม่แข็งแรง หักง่าย
ประจำเดือนมาไม่ปกติ ประจำเดือนไม่มา
ปากแห้ง ต่อมน้ำลายอักเสบทำให้ใบหน้าดูบวม
มีแผลในกระเพาะอาหารเนื่องจากกรดจากกระเพาะอาหารที่เกิดจากการล้วงคออาเจียน
เยื่อบุหลอดอาหารและกระเพาะอาหารอาจฉีกขาด รวมไปถึงอาจมีเลือดออกในทางเดินอาหาร เนื่องจากการอาเจียนบ่อย ๆ
มีกลิ่นปาก ฟันผุ และปัญหาสุขภาพเหงือกและช่องปากอื่น ๆ เนื่องจากกรดในกระเพาะอาหารที่เกิดจากการล้วงคออาเจียน
ท้องผูก กล้ามเนื้อลำไส้ได้รับความเสียหาย เนื่องจากการใช้ยาระบายเป็นประจำ
การรักษาบูลิเมีย
ในการรักษาโรค Bulimia นั้น อาจจำเป็นต้องใช้วิธีรักษาร่วมกันมากกว่า 1 วิธี ซึ่งการรักษาด้วยการฟื้นฟูสภาพจิตร่วมกับการใช้ยาต้านเศร้า
การบำบัดความคิดและพฤติกรรม (Cognitive Behavioral Therapy) วิธีนี้จะโฟกัสไปที่ทัศนคติที่จะส่งผลต่อพฤติกรรมของผู้ป่วย โดยนักบำบัดจะช่วยปรับความคิดของผู้ป่วย ซึ่งจะนำไปสู่การปรับเปลี่ยนพฤติกรรมนั่นเอง
การบำบัดสัมพันธภาพระหว่างบุคคล (Interpersonal Therapy) วิธีนี้เชื่อว่า ความสัมพันธ์ต่อผู้คนรอบข้างและสิ่งแวดล้อมภายนอกมีอิทธิพลต่อสุขภาพจิต นักจิตบำบัดจึงจะพิจารณาความสัมพันธ์กับบุคคลรอบข้างของผู้ป่วยและหาวิธีแก้ไขพฤติกรรมหรือความคิดดังกล่าวได้อย่างไร
การบำบัดแบบครอบครัว (Family-Based Therapy) ในกรณีที่ผู้ป่วย Anorexia ยังมีอายุน้อย การบำบัดครอบครัวนั้นสำคัญมาก โดยจะมุ่งเน้นไปที่ผลกระทบโรคที่ส่งผลต่อครอบครัว ซึ่งจะช่วยให้เข้าใจลักษณะของโรคและวิธีที่บุคคลในครอบครัวจะช่วยเหลือผู้ป่วยด้วย
การใช้ยารักษา การใช้ยาต้านเศร้าควบคู่กับการพูดคุยบำบัดทางจิตอาจช่วยลดอาการของโรค Bulimia ได้ : ยาฟลูอ็อกซีทีน (Fluoxetine) ซึ่งเป็นยาต้านซึมเศร้าในกลุ่ม SSRI (Selective Serotonin Reuptake Inhibitors)
โภชนศึกษา แพทย์และนักโภชนาการอาจช่วยวางแผนการรับประทานอาหารที่เหมาะสม เพื่อให้ผู้ป่วยกลับมามีน้ำหนักตัวเป็นปกติ
หากมีอาการที่แปลกไปกว่าปกติ สามารถการเช็กอาการป่วยเบื้องต้นด้วย Agnos จะเป็นตัวเลือกสำคัญที่ทำให้คุณรู้แนวทาง และวางแผนเพื่อป้องกันเหตุการณ์ไม่คาดฝันที่จะเกิดขึ้น
อ้างอิง
https://www.pobpad.com/
https://mydeedees.com/%e0%b8%82%e0%b9%89%e0%b8%ad%e0%b8%aa%e0%b8%b1%e0%b8%87%e0%b9%80%e0%b8%81%e0%b8%95-%e0%b9%81%e0%b8%84%e0%b9%88%e0%b8%84%e0%b8%a7%e0%b8%9a%e0%b8%84%e0%b8%b8%e0%b8%a1%e0%b8%99%e0%b9%89%e0%b8%b3%e0%b8%ab/
|