4 เรื่องเล่าเกี่ยวกับแมวของชาวอังกฤษ ที่รู้แล้วคุณจะอึ้ง
กลับมาอีกครั้งครับกับ Petsayhi เว็บไซต์ที่รวบรวมเรื่องแปลก และความรู้ทุกอย่างที่เกี่ยวกับสัตว์เลี้ยงมาให้ทุกคนได้อ่านกัน และครั้งนี้ Petayhi ไม่ได้มาตัวเปล่า แถมยังฉีกแนวไปจากเดิน ขอพักเรื่องสัตว์เลี้ยงไว้ก่อน และมารู้จักกับเรื่องเล่า ตำนานที่น่าสนใจเกี่ยวกับแมวกันบ้าง เราคงรู้ดีกันอยู่แล้วใช่ไหมครับ ว่าแมวเป็นสัตว์เลี้ยงที่คนทั่วโลกนิยมเลี้ยงรองลงมาจากสุนัข
และยังเป็นสัตว์ที่สร้างความผ่อนคลาย เป็นมิตรกับผู้คนอีกด้วย ทำให้หลายบ้านนิยมเลี้ยงแมวไว้เป็นเพื่อนเล่นแก้เหงาเวลาอยู่บ้าน แต่รู้หรือไม่ครับว่าแมวน่ารักๆ แบบนี้เองมีตำนานเล่าขานมาอย่างยาวนาน ถึงเรื่องของแมว โดยเฉพาะกับตำนานที่ถูกเล่าขานมากับชาวอังกฤษ
เรื่องเล่าที่จะทำให้คุณนั้นอาจจะอึ้งไปเลย และวันนี้ Petsayhi จะพาทุกคนไปดูกันว่าตำนานที่ถูกเล่าขานของแมวสุดน่ารัก สดใส ที่มาจากประเทศอังกฤษจะเป็นอย่างไรบ้างใน 4 เรื่องเล่าเกี่ยวกับแมวของชาวอังกฤษ ที่รู้แล้วคุณจะอึ้ง
เรื่องที่ 1 แมวปีศาจ
เรื่องเล่านี้เป็นเรื่องเล่าของชาวอังกฤษที่ถูกเข้าใจผิดและเล่าต่อๆ กันมา เพราะแมวที่ชื่อว่า Kallas Cat แมวที่เรียกได้ว่าเป็นหนึ่งในแมวที่จะมีลักษณะพิเศษอย่างสีขนที่ดำสนิทและด้วยขนาดตัวที่ใหญ่เพราะเป็นแมวผสมระหว่างแมวป่าของทางสก็อตแลนด์และแมวบ้านธรรมดาทั่วไปทำให้หลายคนที่พบเจอต่างเข้าใจผิดกันว่าแมวชนิดนี้เป็นแมวปีศาจจากเรื่องเล่า มีเล่าต่อกันมาว่าในโลกนี้จะมีแมวชนิดหนึ่งที่มีชื่อว่า Cat Sith เป็นแมวเจ้าเล่ห์ที่ชอบขโมยดวงวิญญาณของผู้คนที่เสียชีวิตไป บางคนเชื่อว่าแมวชนิดนี้เป็นแมวที่มาจากแม่มดที่มีวิชากล้าแกร่ง และแปลงกายเป็นแมวมาแล้วมากกว่า 9 ครั้ง สำหรับตำนานของ Cat Sith ก็คล้ายๆ กับนิทานของไทยอย่างเวตาล เพราะมีคนเล่าต่อว่าหาก Cat Sith พูดอะไร หรือล่อลวงห้ามเชื่อและหนีออกให้ห่างมากที่สุด
เรื่องที่ 2 การแปลงร่างของแม่มดทั้ง 8 ครั้ง
เรื่องนี้เป็นเรื่องเล่าที่ต่อมาจาก แมวปีศาจ Cat Sith ที่เล่าถึงการแปลงร่างของแมวมด ซึ่งเป็นเรื่องแปลกที่ 2 ตำนานนี้มีสิ่งที่ตรงกันคือเรื่องของจำนวนครั้งในการแปลงร่างเป็น Cat Sith ของแม่มด โดยทั่วไปแล้วแม่มดจะสามารถแปลงร่างเป็นแมวเพื่อล่อลวงมนุษย์ได้เพียงแค่ 8 ครั้งเท่านั้น หากยังฝืนและพยายามแปลงร่างเป็นครั้งที่ 9 แม่มดตนนั้นอาจจะโดนครอบงำจิตใจและวิญญาณ ร่างกายจะถูกแปรเปลี่ยนกลายเป็นแมว Cat Sith ไปอย่างสมบูรณ์แบบ และจะไม่สามารถกลับมาครองร่างสังขารเดิมได้อีก
เรื่องที่ 3 ราชาแมวของชาวเซลติก
หากพูดถึงชื่อของชาวเซลติก หลายคนอาจจะไม่รู้จัก ชาวเซลติกเป็นบรรพบุรุษของชาวอังกฤษในปัจจุบัน และด้วยความที่เรื่องเล่าของราชาแมวมีมาตั้งแต่ชาวเซลติก ทำให้เรื่องเล่านี้เป็นเรื่องที่ถูกพูดถึงมาอย่างยาวนานมากเลยครับ โดยเรื่องเล่านี้เป็นเรื่องที่ถูกเล่าผ่านชาวนาคนหนึ่งที่กำลังเดินกลับจากนาที่เขาไปทำงานในเวลาพลบค่ำ และบังเอิญไปสังเกตเห็นแมวกลุ่มหนึ่งประมาณ 9 ตัว กำลังแบกโลงศพที่ถูกประดับประดาอย่างสวยงาม ชาวนาคนนั้นจึงพยายามเดินเข้าไปฟังใกล้ๆ ด้วยความประหลาดใจ และสามารถจับใจความสิ่งที่แมวเหล่านั้นคุยกันได้ว่า “ราชาแมวตายแล้ว เราจะทำยังไงต่อไปดี” หลังจากนั้นราชาแมวก็ได้กลับมาถึงบ้านและได้เล่าเรื่องทั้งหมดให้ภรรยาฟัง หลังจากนั้นสิ่งที่น่าตกใจก็ได้เกิดขึ้น เมื่อแมวที่อยู่ในบ้านของเขาตัวหนึ่ง ได้ลุกขึ้นยืนจ้องหน้าทั้งสองและพูดขึ้นว่า “ตอนนี้ทิมตายแล้วหรอ งั้นราชาคนต่อไปก็คงเป็นข้าสินะ….” จากนั้นแมวตัวนี้ก็ได้กระโดดออกนอกหน้าต่างบ้านไป และไม่กลับมาให้ทั้งสองเห็นหน้าอีกเลย จึงทำให้หลายคนมีความเชื่อว่าอาจจะมีราชาแมวที่เป็นที่เกรงขามของแมวทั้งปวงอยู่ก็เป็นได้
เรื่องที่ 4 แมวดำคือแมวแห่งความโชคดี
จริงอยู่ที่ชาวอังกฤษส่วนมากจะบอกเป็นเสียงเดียวกันว่าแมวดำเป็นแมวของแม่มด และเป็นแมวที่มีความเจ้าเล่ห์เพื่อที่จะล่อลวงมนุษย์ แต่ในประเทศอังกฤษบริเวณตอนกลางของประเทศนั้นบอกต่างออกไปกับเรื่องนี้ เพราะทุกคนต่างบอกว่าแมวดำเป็นแมวของแม่มดก็จริง แต่หากใครได้เจอแมวชนิดนี้ มักจะมาพร้อมกับความมั่งคั่ง และนำความโชคดีมาให้ ยิ่งบ้านไหนก็ตามที่ได้เปิดประตูมาแล้วเจอแมวนั่งรออยู่หน้าบ้านบอกเลยว่าเป็นเรื่องดีอย่างมากสำหรับชาวอังกฤษเลย
เป็นอย่างไรกันบ้างครับกับ 4 เรื่องเล่าเกี่ยวกับแมวของชาวอังกฤษ ที่รู้แล้วคุณจะอึ้ง ที่ทาง Petsayhi ได้นำมาฝาก หวังว่าทุกท่านจะชอบเรื่องราวที่นำมาฝากเป็นเรื่องเล่าที่ดูแล้วจะออกไปทางลบ และน่ากลัวไปสักนิด แต่เชื่อเถอะครับว่าแมวดำจริงๆ แล้วถูกตีความแค่ในเรื่องของสีดำที่เป็นสีมืดหม่น เป็นสีที่เป็นตัวแทนของความมืด ทำให้แมวดำไม่ได้รับความนิยม และไม่ถูกนำไปเลี้ยงแต่มีสิ่งหนึ่งที่แมวดำทุกตัวเป็นเหมือนกันไม่ต่างจากตัวอื่นๆ คือแมวดำน่ารัก ขี้อ้อน ขี้เล่น ซึ่งสิ่งนี้เองก็ทำให้ผมตกหลุมรักจนต้องหามาเลี้ยงเลยครับ
ขอบคุณรูปภาพจาก : petsayhai.com
ขอบคุณแหล่งที่มา : petsayhai.com
ติดตามข่าวสาร ได้ที่ : mydeedees.com
|