5 พฤติกรรมที่ควรรู้ก่อนเลี้ยงอัลปาก้า
เชื่อว่าหลายคนน่าจะไม่รู้จักอัลปาก้า สัตว์เลี้ยงตัวใหญ่สุดน่ารักที่มีขนปุกปุยตัวนี้กัน คนที่เคยเห็นผ่านตาก็คงได้รู้จักกับพฤติกรรมสุดกวนของเจ้าสัตว์ตัวนี้ หากพูดถึงความเป็นอยู่ของอัลปาก้า ก็ต้องบอกว่าน้องเป็นสัตว์สังคมที่อาศัยอยู่เป็นกลุ่มครอบครัว หรือจะเรียกว่าเป็นฝูงก็ได้ เพราะส่วนใหญ่เจ้าหัวฟูเหล่านี้ก็ไปไหนกันเป็นฝูงอยู่ตลอดเวลา
ในภาพจำหรือความรู้สึกของเราสัตว์ตัวนี้อาจเรียกได้ว่าเป็นสัตว์ที่ดูมีความร่าเริง น่ารักใช่ไหมครับ แต่เอาจริงๆ น้องมักจะมีความดุในบางครั้ง ซึ่งบางครั้งพฤติกรรมก้าวร้าวก็สามารถเกิดขึ้นได้จากหลายปัจจัย แต่ถึงอย่างไรเจ้าหัวฟูตัวนี้ก็ยังคงเป็นสัตว์ที่มองยังไงก็ยังน่ารัก การเลี้ยงอัลปาก้าไม่ได้พึ่งมี แต่มีมานานแล้ว เพราะในสมัยก่อนอัลปาก้าถูกเลี้ยงไว้เพื่อที่ใช้ในการดำรงชีวิต สิ่งที่เราได้จากอัลปาก้ามาคือขนสุดนุ่ม ที่ให้ความอบอุ่นกับร่างกาย ซึ่งส่วนใหญ่เรามักจะเอาไปทำเป็นเสื้อผ้า เครื่องนุ่งห่มกันหนาว
ซึ่งอาจเรียกได้ว่าใช้รวมๆ ในรูปแบบของเกษตรกรรม ในปัจจุบัน เราไม่ได้จำเป็นมากขนาดนั้นที่จะต้องเลี้ยงน้อง เพราะมีขนแกะที่สามารถให้ขนได้ดี แต่ก็ยังมีความนิยมในหมู่คนมากมายที่ชอบความน่ารักของน้อง และคิดอยากที่จะรับน้องมาเลี้ยง มาดูแล วันนี้ผมอาสาจะพาทุกคนไปดูกันดีกว่าครับว่าสมมุติว่าคุณอยากเลี้ยงน้อง คุณต้องดตรียมตัวอย่างไรบ้างกับพฤติกรรมสุดแสบที่คุณนั้นต้องรู้ใน 5 พฤติกรรมที่ควรรู้ก่อนเลี้ยงอัลปากา
1.นิสัยน่ารัก ฝึกอบรมง่าย ไม่วุ่นวายเหมือนสัตว์อื่น
เรามักจะเห็นเจ้า อัลปาก้า ตามสวนสัตว์ต่างๆ ที่ได้มีการจัดแสดงโชว์ ล้อมไว้ เราจะเห็นว่าน้องค่อนข้างเชื่อง และเราสามารถลูบคลำ จับตัวน้องได้แบบที่ไม่ต้องกลัวอะไรเลยครับ หากคุณอยากรู้ว่าสัตว์ไหนที่เชื่องมีความน่ารัก ไม่ดุ ใจเย็นให้ลองลูบหัวน้องดูครับ เพราะสัตว์ทุกชนิดจะไม่ชอบการถูกลูบหัว หรือส่วนสำคัญต่างๆ เพราะนั่นอาจทำให้เกิดการบากเจ็บได้ แต่ไม่ใช่สำหรับสัตว์ตัวนี้ ที่บอกเลยครับว่าน้องไม่ยอมแพ้ และสู้มือมาก นั่นเป็นเพราะน้องเข้ากับคนได้ง่าย ทำให้น้องดูน่ารัก และเชื่องมาก ซึ่งสิ่งที่ผมแอบคิดว่าสามารถทำได้คงหนีไม่พ้นเรื่องของการฝึกน้องให้เชื่องได้ เพราะความนิ่ง ไม่ดื้อไม่ซน เชื่อฟังนี้เอง ในต่างประเทศได้มีการฝึกให้กับน้อง เพื่อรับนักท่องเที่ยว และแน่นอนว่าน่ารักมาก
2.การถ่มน้ำลาย
สำหรับพฤติกรรมนี้ไม่ใช่ความผิดปกติอะไรครับ และอัลปาก้าก็ไม่ใช้สัตว์ที่จะถมน้ำลายไปมาแบบไม่มีเหตุผล หากเราได้รู้จักกับน้องดีๆ เราจะรู้ว่าพฤติกรรมเหล่านี้ว่ามีที่มา บอกก่อนเลยว่าน้องนั้นไม่ได้มีไม้ตาย หรือท่าพิเศษในการจัดการ และสังหารศัตรู น้องมีแค่ขาที่วิ่งได้อย่างรวดเร็วกับคอยาวๆ ที่เอาไว้ชะเง้อมองอันตรายรอบตัว และนั่นทำให้น้องต้องหาวิธีการ หรือวิธีทางที่จะมาป้องกันตัวจากการรุกรานของใครก็ตาม และวิธีนั้นคือ “การถมน้ำลาย” การถมน้ำลายนี้เองหลายครั้งนักท่องเที่ยวก็โดนเช่นกัน น้องจะแสดงพฤติกรรมออกมาเมื่อน้องรู้สึกไม่ปลอดภัย ต้องการขยายอาณาเขต หรือแม้แต่การที่น้องรู้สึกว่าจะมีใครสักคนนั้นเข้ามาเพื่อแย่งอาหาร การสามารถเกิดแรงกระตุ้นนี้ได้เช่นกัน แต่ถึงแม้วิธีการจะดูสกปรกแค่ไหน น้องก็ยังคงดูน่ารักในสายตาขอบงหลายๆคนเหมือนเดิม ลองคิดดูเล่นๆนะครับหากคุณเลี้ยงน้องแล้วต้องมาคอยเช็ดน้ำลายบนพื้น คงไม่ดีแน่นอน
3.สุขลักษณะของน้องเป็นสิ่งสำคัญต้องดูแล
สุขภาพร่างกายนั้นสำคัญครับ โดยเฉพาะกับเจ้าอัลปาก้านี้เองก็เช่นกัน การที่น้องจะป่วยหรือไม่สบายนั้นมีสาเหตุอยู่ไม่กี่อย่างเท่านั้นครับ หนึ่งในนั้นคือเรื่องของสิ่งที่น้องกินเข้าไปนั่นเอง ต้องบอกก่อนว่าเจ้าสัตว์หัวฟู ฟันเหยินชนิดนี้เป็นสัตว์ที่มีความแปลกประหลาดอย่างหนึ่งคือเรื่องของระเบียบวินัย และการรักความสะอาด หลายครั้งที่ผมได้ไปสัมผัสกับเหล่าสัตว์เลี้ยงและเห็นได้ว่าแทบจะทุกตัวไม่ค่อนสนใจเรื่องของความสะอาดเลย แต่ไม่ใช่สำหรับสัตว์ชนิดนี้ ที่คอดดูแลความสะอาดร่างกายเสมอ ไม่ต่างจากแมวเลย และที่น่าทึ่งหากคุณได้เห็นสัตว์ชนิดนี้ ที่อยู่ตามธรรมชาติ อยู่เป็นฝูง คุณจะได้พบกับพฤติกรรมสุดแปลกอย่างการยืนอึอย่างเป็นระเบียบ และอึของน้องก็เป็นก้อนสวยงามเรียงกัน แต่เราสามารถเห็นได้เลยครับว่าน้องสุขภาพเป็นอย่างไรดูได้จากอึเลยครับ
4.การส่งเสียงร้อง สัญญาณบอกเหตุการณ์ในฝูง
การแสดงออกอีกด้านที่เราควรรู้ไว้ หากคุณคิดว่าถ้ามีโอกาสอยากลองเลี้ยงเจ้าอัลปาก้านี้ คือเรื่องของเสียงครับ ถือเป็นอีกหนึ่งสัตว์รองลงมาจากแมวที่ผมรู้สึกว่ามีความบ่นเก่งที่สุดเลย ไม่ว่าจะทำอะไรก็ต้องมีเสียงบ่น เสียงต่างๆ ออกมาจากน้องเสมอ มองอีกมุมหนึ่งก็อาจบอกได้ว่านี่คือความน่ารัก แต่หากมองกันอีกมุมหนึ่งนี่คือความน่ารำคาญ ที่คุณต้องรับไว้หากคุณเอาน้องเข้าไปอยู่บ้านด้วย ซึ่งการร้อง หรือการส่งเสียงของน้องนอกจากจะเป็นในเรื่องของการสื่อสารแล้ว ยังมีกรผูกโยงเรื่องเล่ากับตำนานต่างๆอีกด้วย อย่างในสมัยก่อน หากใครที่เลี้ยงเจ้าหัวฟูนี้แล้วเกิดการคลอดออกมา หากน้องร้องแบบปกติ เสียงจะไรเพราะ แต่หากมีตัวไหนที่ร้อง งอแง เสียงประหลาดๆ หมายถึงความโชคร้ายความทุกข์ อีกเรื่องหนึ่งคือเสียงของอัลปาก้าเวลาอารมณ์ดี เรียกได้ว่าคือหนึ่งในเสียงที่เพราะมากจนใครหลายคนต่างบอกว่าเป็นเสมือนสัตว์ที่มีเสียงสวรรค์
5.การสืบพันธุ์
ผมเชื่อว่าทุกคนรวมถึงผมก็น่าจะเคยได้สังเกตกันมาบ้างกับหน้าตาอันประหลาดของเจ้าอัลปาก้า มันช่างเหมือนกันทั้งหน้าตา รูปร่าง สีขนเหมือนกันไปหมดแทบจะทุกส่วนเลย จนบางทีก็รูสึกว่า ถ้าจะตั้งชื่อให้จริงๆก็คงจำไม่ได้แน่นอน โดยการขยายพันธุ์ของอัลปาก้า หากเรานั้นย้อนไปตั้งแต่โบราณน้องไม่ค่อยมีการเปลี่ยนแปลง หรือมีการวิวัฒนาการอะไรมากมาย เพราะด้วยลักษณะของน้องหากเทียบในอดีตตามบันทึกเก่าๆ กับปัจจุบันแทบจะไม่ต่างเลย สำหรับเจ้าสัตว์สายพันธุ์นี้มีการสืบพันธุ์ที่ไม่ต่างจากสัตว์อื่นๆ เพื่อดำรงเผ่าพันธุ์ให้คงอยู่ และผมขอบอกเลยครับว่าถ้าคุณได้เห็นลูกน้อยของเจ้าหัวฟูเหล่านี้ คุณจะหลงรัก ลองคิดดูนะครับถ้าคุณเลี้ยงน้องแล้วน้องออกลูกมาสัก 5 ตัวสีเหมือนกันหมด คุณจะจำน้องได้ยังไง คงยากไม่ใช่น้อยเลย
เป็นอย่างไรกันบ้างครับกับ5 พฤติกรรมที่ควรรู้ก่อนเลี้ยงอัลปาก้า ที่ทาง Petsayhi ได้นำมาฝากกันในวันนี้ สิ่งที่ผมอยากให้เราทุกคนได้รู้กันคือ ปัจจุบันอัลปาก้าคือหนึ่งในสัตว์น่ารักที่กำลังจะสูญพันธุ์ ในช่วงหนึ่งน้องถูกล่าไปเป็นอาหาร ซึ่งน่าสงสารมาก แต่ในปัจจุบันก็ได้มีการนำน้องมาไว้ในสวนสัตว์ และแน่นอนครับว่าการคิดจะเลี้ยงน้องนั้นบอกเลยว่าหมดสิทธิ์ แต่ถ้าคุณแค่คิด สิ่งที่เราได้บอกคุณไปทั้งหมดก็น่าจะตอบคำถามของคุณได้นะครับว่า คำตอบคืออะไร และหากใครที่ชอบบทความดีๆแบบนี้ ไม่อยากพลาดเนื้อหาข่าวสาร สาระในแวดวงสัตว์เลี้ยงก่อนใครติดตาม Petsayhi ไว้เพราะเราจะนำทุกเรื่องส่งตรงถึงมือของคุณ
ขอบคุณรูปภาพจาก : petsayhai.com
ขอบคุณแหล่งที่มา : petsayhai.com
ติดตามข่าวสาร ได้ที่ : mydeedees.com
|