อากาศ 3 ฤดูในไทย เหมาะกับสัตว์ชนิดไหนบ้าง

เคยคิดไหมครับ ก่อนที่จะเลี้ยงสัตว์เลี้ยงสักตัวเราต้องคิดถึงอะไรบ้างทั้งในเรื่องของความเป็นอยู่ การใช้ชีวิต รวมไปถึงสภาพอากาศ เพราะสัตว์แต่ละตัวจะมีพฤติกรรมตอบสนองต่อสภาพอากาศที่แตกต่างกันออกไป บางตัวชอบอากาศร้อน บางตัวชอบอากาศเย็นถึงหนาวจัด

และบางตัวชอบการได้ลงเล่นน้ำ เพื่อคลายร้อยหรือหน้าฝนนั่นเอง ซึ่งในประเทศไทยมีฤดูกาลอยู่ทั้งหมด 3 ฤดู ได้แก่ ฤดูร้อน ฤดูหนาว และฤดูฝนซึ่ง 3 ฤดูนี้ ถือเป็นฤดูที่สำคัญและเกี่ยวข้องกับสารใช้ชีวิตของเราอย่างมาก รวมไปถึงการใช้ชีวิตของสัตว์เลี้ยงด้วย วันนี้ Petsayhi จะพาทุกคนไปดูกันครับว่า ในแต่ละช่วง ฤดูกาลเราจะต้องรู้อะไรบ้างหากเราจะเลี้ยงสัตว์เลี้ยง

เพื่อเป็นการป้องกันไม่ให้สัตว์เลี้ยงปรับตัวยาก หรือป่วยจากการเปลี่ยนแปลงของสภาพอากาศ เพราะในประเทศไทย ทั้ง 4 ภาค เรียกได้ว่ามีจุดเด่นทางสภาพอากาศที่แตกต่างกัน จึงเป็นเรื่องสำคัญที่เราจะต้องทำความเข้าใจและใส่ใจให้มากก่อนที่จะรับน้องมาเลี้ยง ถ้าพร้อมแล้วผมจะพาทุกคนไปดูกันครับว่ามีอะไรที่น่าสนใจบ้างในบทความนี้กับ อากาศ 3 ฤดูในไทย เหมาะกับสัตว์ชนิดไหนบ้าง

พื้นที่อากาศร้อน แล้วควรเลี้ยงสัตว์ประเภทไหน

สำหรับพื้นที่ ที่มีความร้อน และอากาศที่ค่อนข้างแห้งแล้ง เป็นเรื่องยากมากครับ ที่สัตว์ขนยาวจะใช้ชีวิตอยู่ได้โดยไม่มีภาวะความเครียดใดๆ ซึ่งในบริเวณพื้นนี้ที่เราควรเลือกสัตว์เลี้ยงที่มีการระบายความร้อนของผิวหนังอย่างดี โดยเฉพาะกับความหนาของขนสัตว์ที่เรียกได้ว่าเป็นสิ่งสำคัญเพราะจะทำให้เกิดการอับชื้นของผิวหนัง และส่งผลให้เกิดโรคผิวหนังตามมา ซึ่งการรักษาโรคผิวหนังก็ถือเป็นเรื่องยาก ทางที่ดีหากเป็นพื้นที่ค่อนข้างร้อน เราสามารถติดแอร์ให้สัตว์เลี้ยงของเราได้ แต่ก็ต้องยอมรับว่าค่าไฟค่อนข้างสูง ถ้าอยากเลี้ยงสัตว์คุณสามารถเลี้ยงสุนัข และแมว ได้แต่แนะนำให้เป็นขนสั้นนะครับ หรืออาจจะมีบ่อน้ำไว้ก็ได้เช่นกัน อีกหนึ่งสัตว์สวยงามที่สามารถเลี้ยงได้ก็คือปลา เพราะปลาอยู่ในน้ำอยู่แล้ว เพียงแค่ผู้เลี้ยงสามารถคุมอุณหภูมิ และความสะอาดของน้ำได้ ก็ไม่ใช่ปัญหาสำหรับพื้นที่ ที่มีความร้อนสูงครับ แต่ที่ผมจะไม่แนะนำเลยคือสัตว์เล็กอย่าง หนูแฮมสเตอร์ เพราะเป็นสัตว์ที่ค่อนข้างร้อนง่าย และเกิดความเครียดเมื่ออากาศร้อนเกินไป

อากาศหนาว ช่วงที่ต้องระวังการแพร่เชื้อ

สำหรับใครที่เลี้ยงสัตว์เล็กอย่างเม่นแคระ หรือหนูแฮมสเตอร์ ก็อาจบอกได้ว่าเป็นช่วงดีของน้องๆ เลยครับ ในช่วงหน้าหนาวเพราะช่วงนี้น้องๆ จะไม่ค่อยวุ่นวาย น้องจะจำศีลและไม่ค่อยออกมาให้เห็น ที่สำคัญหมดกังวลเรื่องอากาศร้อนไปเลยครับ และยิ่งเป็นสุนัขหรือแมวด้วยแล้วยิ่งดีเลยครับ เพราะโดยปกติแล้วสุนัขกับแมวเป็นสัตว์ที่มีเลือดอุ่น อัตราหัวใจเต้นเร็ว น้องจะไม่ค่อยชอบอากาศที่ร้อนเท่าไหร่ พอเป็นหน้าหนาวจะทำให้อุณหภูมิของน้องพอดีไม่เครียด แต่สิ่งที่ต้องระวังในหน้าหนาวคงเป็นเรื่องของการแพร่กระจายของเชื้อโรคต่างๆ ที่อยู่ได้นานกว่าปกติ เพราะเชื้อโรคจะชอบอากาศที่เย็น มากกว่าอากาศที่ร้อน ทำให้เชื้อโรคสามารถอยู่ในอากาศเย็นได้นานกว่าปกติ ฉะนั้นให้หมั่นทำความสะอาดสัตว์เลี้ยงของคุณ สำหรับคนที่เลี้ยงปลาสวยงาม ในหน้าหนาวนี้ให้ระวังในเรื่องของการเปลี่ยนอุณหภูมิของน้ำเพราะอาจทำให้ปลาของเราน็อคได้เลยครับ

หน้าฝน อย่าปล่อยให้สัตว์ไปตากฝน

พอเข้าหน้าฝนสิ่งที่ตามมาคือแอ่งน้ำมากมายและอากาศที่ชื้นกว่าปกติ การที่เราจะดูแลสัตว์เลี้ยงอย่างที่ง่ายที่สุดคืออย่างให้น้องออกไปเล่นนอกบ้าน หรือไปพบเจอกับความสกปรกครับ เพราะช่วงนี้ถือได้ว่าเป็นช่วงที่ค่อนข้างมีความเสี่ยงกับการติดเชื้อโรคต่างๆ ที่อยู่รอบตัวของสัตว์เลี้ยงของเราครับและเหนือสิ่งอื่นใด ถ้าสัตว์เลี้ยงของคุณออกไปเล่นช่วงนี้ ไม่วายได้อาบน้ำใหม่กันแน่นอนครับ เพราะดิน โคลนตม ที่เกิดจากฝนจะติดอยู่ตามตัวน้องมากมาย จนอาจบอกได้ว่าเป็นเรื่องที่น่ารำคาญไปเลยถ้าเกิดเหตุการณ์แบบนี้ติดต่อกันหลายๆ วัน ฉะนั้นควรกักพื้นที่ไม่ให้สุนัขออกไปไหนตอนฝนตกหรือไปเจอกับแหล่งน้ำภายนอก เพราะอาจหมายถึงเชื้อโรคที่เรานั้นมองไม่เห็น หน้าฝนสามารถเลี้ยงได้แทบทุกชนิดเลยครับ และไม่มีปัญหาอะไรเลยถ้าไม่ออกไปเจอกับสภาพบรรยากาศภายนอกก็ถือได้ว่าเป็นอากาศที่ดีที่สุดสำหรับทั้งคนและสัตว์เลยครับ

เป็นอย่างไรกันบ้างครับกับ อากาศ 3 ฤดูในไทย เหมาะกับสัตว์ชนิดไหนบ้าง ที่ทาง Petsayhi ได้นำมาฝากกันในวันนี้ บอกเลยครับว่าเป็นเรื่องที่น่าสนใจมาก และมีความพิเศษอยู่พอสมควรเลยครับกับสภาพอากาศในประเทศไทยที่ค่อนข้างเฉพาะตัว แต่อย่างไรก็ตามเราสามารถเลี้ยงสัตว์ได้ตามที่ชอบเลย เพียงแค่ต้องจัดระบบ จัดสภาพแวดล้อมให้ดี และเหมาะกับลักษณะทางกายภาพของสัตว์แต่ละชนิดก็พอครับถ้าคุณชอบบทความดีๆ แบบนี้ และไม่อยากพลาดข่าวสารสาระใหม่ๆ อย่าลืมติดตาม Petsayhi ไว้เพื่อที่ทุกเรื่องเกี่ยวกับสัตว์เลี้ยงจะส่งตรงถึงหน้าจอมือถือของคุณทันที

ขอบคุณรูปภาพจาก : petsayhai.com
ขอบคุณแหล่งที่มา : petsayhai.com