เตือนภัยรับมือพายุฤดูร้อน ฝนหนัก-คลื่น อ่วมทั่วประเทศ
ทั่วไทยอ่วม! โดยเฉพาะหลายจังหวัดภาคเหนือ-อีสาน-กลาง-ตะวันออก หลังเจอฤทธิ์พายุฤดูร้อนลมกระโชกแรงถล่มหนัก บางพื้นที่มีลูกเห็บซัดซ้ำ ทำหลังคาบ้านเรือนปลิวว่อน ต้นไม้หักโค่นทับสิ่งปลูกสร้าง เสาไฟ ส่งผลไฟฟ้าดับ ไปจนถึงน้ำท่วม ขณะที่กรมอุตุนิยมวิทยายังออกประกาศเตือนต่อเนื่อง คาดภาคใต้มีฝนเพิ่มขึ้น ทะเลอ่าวไทยมีคลื่นสูง เรือขนาดเล็กควรงดออกจากฝั่งในช่วงนี้
ตามที่กรมอุตุนิยมวิทยาออกประกาศเตือนต่อเนื่อง เรื่องพายุฤดูร้อนบริเวณประเทศไทยตอนบน มีผลกระทบถึงวันที่ 1 พฤษภาคม 2566 มาถึงฉบับที่ 7 เมื่อเย็นวันที่ 30 เม.ย. โดยพายุมีลักษณะพายุฝนฟ้าคะนอง ลมกระโชกแรง และลูกเห็บตกบางแห่ง รวมถึงอาจมีฟ้าผ่า ขอให้ประชาชนระวังอันตราย
หลีกเลี่ยงการอยู่ในที่โล่งแจ้ง ใต้ต้นไม้ใหญ่ สิ่งปลูกสร้างและป้ายโฆษณาที่ไม่แข็งแรง ไม่ควรสวมใส่โลหะ และหลีกเลี่ยงการใช้โทรศัพท์มือถือขณะเกิดพายุฝนฟ้าคะนอง รวมถึงคาดการณ์พื้นที่ที่จะได้รับผลกระทบจากพายุฤดูร้อนระลอกนี้กว่าค่อนประเทศ โดยเฉพาะอย่างยิ่งตอนบนของประเทศ
ขณะที่มีลมตะวันออกและลมตะวันออกเฉียงใต้พัดปกคลุมอ่าวไทย ภาคใต้ และทะเลอันดามัน ทำให้ภาคใต้มีฝนเพิ่มขึ้น ส่วนบริเวณอ่าวไทยทะเลมีคลื่นสูงประมาณ 1 เมตร บริเวณที่มีฝนฟ้าคะนองคลื่นสูงกว่า 2 เมตร ขอให้ชาวเรือเดินเรือด้วยความระมัดระวังและหลีกเลี่ยงการเดินเรือในบริเวณที่มีฝนฟ้าคะนอง สำหรับเรือขนาดเล็กบริเวณอ่าวไทยควรงดออกจากฝั่งในช่วงวันที่ 30 เม.ย.-2 พ.ค.นี้
นอกจากนี้ ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ตลอดวันที่ 30 เม.ย. มีหลายจังหวัดออกสำรวจผลกระทบจากฤทธิ์พายุฤดูร้อน ลมกระโชกแรงที่เกิดขึ้นเมื่อช่วงเย็นถึงดึกวันที่ 29 เม.ย.
ทำให้ต้นไม้หักโค่นล้มทับสิ่งปลูกสร้าง เสาไฟฟ้า ขวางถนน และบ้านเรือนประชาชนเจอแรงลมพัดหลังคาปลิว ได้รับความเดือดร้อนถ้วนหน้า โดยที่ จ.น่าน พล.ต.คณิศร อาสมะ ผู้บัญชาการมณฑลทหารบกที่ 38/ผู้อำนวยการศูนย์บรรเทาสาธารณภัยมณฑลทหารบกที่ 38 มอบหมายให้ศูนย์ฯ จัดกำลังพลพร้อมยุทโธปกรณ์จากมณฑลทหารบกที่ 38 กรมทหารพรานที่ 32
และกองพันทหารม้าที่ 10 กรมทหารม้าที่ 2 พร้อมด้วยจิตอาสา 904 นายดลภาค เนตรใส นายอำเภอเมืองน่าน พร้อมปลัดอำเภอ และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเข้าช่วยเหลือผู้ประสบภัยจากพายุฤดูร้อนที่บ้านนาหิน หมู่ 3 ต.นาซาว อ.เมืองน่าน ซึ่งมีบ้านเรือนได้รับความเสียหาย 127 หลังคาเรือน
เสาไฟฟ้าและต้นไม้หักล้มทับเส้นทาง รวมถึงต้นไม้ล้มทับอาคารที่พักอาศัยของชุดปฏิบัติการพิเศษเหยี่ยวไฟน่าน ศูนย์ส่งเสริมการควบคุมไฟป่าน่าน บ้านนามน ม.7 ต.บ่อสวก อ.เมืองน่าน ทรัพย์สินเสียหายอย่างมาก
ส่วนที่ อ.บึงโขงหลง อ.เซกา และ อ.ปากคาด จ.บึงกาฬ พายุฤดูร้อนพัดถล่มบ้านเรือนประชาชนอย่างหนักเช่นกัน โดยที่ ต.บึงโขงหลง มีบ้านเรือนเสียหาย 2 หมู่บ้าน จำนวน 3 หลังคาเรือน และต้นพะยูงอายุกว่า 70 ปีหักโค่นทับกุฏิ หลังคาศาลาการเปรียญ โรงจอดรถและรถยนต์ของวัดศิริมงคล บ้านโนนสว่าง ม.2 ได้รับความเสียหาย
นอกจากนี้ป้ายโฆษณาขนาดใหญ่ที่อยู่ริมถนนสายบึงโขงหลง-ดงบัง ในเขตเทศบาลบึงโขงหลง ถูกแรงลมพัดหักทับสายไฟฟ้าแรงสูง ทำให้ไฟฟ้าดับเป็นวงกว้าง ส่วน ต.โพธิ์หมากแข้งได้รับความเสียหาย4หมู่บ้าน บ้านเรือนเสียหาย 17 หลัง ต.ท่าดอกคำ ได้รับความเสียหาย 1 หมู่บ้าน
บ้านพักครูและศาลาประชาคมหมู่บ้านได้รับความเสียหาย รวม 22 หลังคาเรือน ขณะที่บ้านศรีอำนวยพร ม.8 ต.หนองหิ้ง อ.เซกา มีบ้านเรือนเสียหาย 10 หลังคาเรือน เสียหายหนัก หลังคาเปิดครึ่งหลัง จำนวน 2 หลัง อีก 8 หลัง เสียหายเล็กน้อย ขณะเดียวกัน ที่หอประชุมที่ว่าการอำเภอปากคาด นายนฤชา โฆษาศิวิไลซ์ ผวจ.บึงกาฬ นำคณะมอบถุงยังชีพ ชุดธารน้ำใจช่วยเหลือผู้ได้รับผลกระทบจากวาตภัย ใน อ.ปากคาด รวม 226 ชุด
ขณะที่ จ.นครราชสีมา นายจิรัฏฐไชย จี่พิมาย นายอำเภอพิมาย ได้รับแจ้งจากนายสมคิด แก้วอำนวยจิตร อายุ 53 ปี บ้านเลขที่ 161 ม.5 ต.ดงใหญ่ อ.พิมาย เจ้าของสมคิดพันธุ์ข้าวปลูกตราทองทั้งทุ่งว่าช่วงเย็นวันที่ 29 เม.ย. มีลมพายุฤดูร้อนพัดหลังคาฉางข้าวโครงเหล็กหลุดหายไปทั้งแถบ
ลมพัดหลังคาข้ามถนนด้านหลังไปประมาณกว่า 20 เมตร ซึ่งจากการสอบถาม นายสมคิดระบุว่าภายในฉางข้างได้เก็บพันธุ์ข้าวหอมมะลิประมาณ 1 ตัน และข้าวนาปรังแห้ง ประมาณ 6 ตัน ได้รับความเสียหายกว่า 3 ล้านบาท รวมทั้งหลังคาโครงเหล็ก
โชคดีที่หลังคาลอยไปตกในที่ว่างเปล่าไม่มีบ้านเรือนประชาชน มีเสาไฟฟ้าหัก 1 ต้น ซุ้มนั่งเล่นพังเสียหาย รวมถึงป้ายหาเสียงผู้สมัคร ส.ส.แต่ละพรรคที่ติดตามถนนได้รับความเสียหายจำนวนหลายป้าย โชคดีไม่มีผู้ได้รับบาดเจ็บ
เช่นเดียวกับที่บ้านเรือนใน ต.ใหม่นาเพียง อ.แวงใหญ่ จ.ขอนแก่น พายุฤดูร้อนสร้างความเสียหายให้กับ 3 หมู่บ้าน ประกอบด้วยหมู่ 4,6 และ 9 หลังคาบ้านปลิวหลุดลอยไปตามแรงพายุ จากการสำรวจเบื้องต้น บ้านได้รับความเสียหายรวม 12 หลังคาเรือน
โดยที่บ้านของนางบัวบาน ล้นทม อายุ 44 ปี เลขที่ 48 ม.9 ได้รับความเสียหายหนักสุด ซึ่งนางบัวบาน กล่าวว่า ช่วงที่เกิดเหตุพายุพัด ตนและครอบครัวไม่ได้อยู่ที่บ้าน แต่หลังจากทั้งลูกเห็บฝนและลมกระหน่ำในพื้นที่อยู่ประมาณราว 1 ชั่วโมง
จึงเดินทางมาที่บ้านพบว่าหลังคาบ้านหลังคาห้องครัวถูกพายุพัดปลิว ฝาผนังแตกเสียหายเป็นรู ทรัพย์สินเครื่องใช้ไฟฟ้าที่อยู่ชั้นสองเปียกฝนหมด รวมมูลค่าความเสียหายราว 300,000 บาท
ส่วน จ.ชัยภูมิ เจ้าหน้าที่หลายหน่วยงานออกสำรวจความเสียหายในเขตเทศบาลเมืองชัยภูมิทั้ง 25 ชุมชน หลังเกิดพายุฝนตกกระหน่ำอย่างรุนแรงต่อเนื่องนานกว่า 30 นาที เมื่อช่วงเย็นวันที่ 29 เม.ย.พบบ้านเรือนพังเสียหายกว่า 300 หลังคาเรือน
และหนักสุดมี 4 ชุมชน คือ ชุมชนเมืองน้อยเหนือ เมืองน้อยใต้ โนนสาทร และชุมชนโคกน้อย โดยเฉพาะบ้านเมืองน้อยใต้ หมู่ที่ 3 ต.ในเมือง อำเภอเมืองชัยภูมิ บ้านเรือนเสียหายกว่า 70 หลังคาเรือน ถูกลมพายุพัดกระหน่ำหลังคาปลิวไปกับสายลม บางจุดต้นไม้หักโค่นทับเสาไฟฟ้า
จนเกิดไฟดับทั้งเมือง ซึ่งช่วงที่เกิดพายุฝนกระหน่ำนั้น ชาวบ้านต้องพากันวิ่งหนีตายออกจากบ้านรอดตายแบบหวุดหวิดหลายราย ซึ่งต่างบอกว่าไม่เคยเจอพายุฤดูร้อนพัดถล่มรุนแรงหนักแบบนี้มาก่อนในรอบกว่า 30 ปี
ขณะที่ อ.เมืองลพบุรี หลังเจอพายุฤดูร้อนกระหน่ำนานเกือบ 30 นาที เมื่อเย็นวันที่ 29 เม.ย. พบบ้านเรือนเสียหายใน 4 ตำบล เฉพาะในเขตอำเภอเมืองลพบุรี มีบ้านเรือนได้รับความเสียหายไม่ต่ำกว่า 50 หลังคาเรือน นอกจากนี้ ในช่วงที่เกิดพายุฝน เจ้าหน้าที่มูลนิธิร่วมกตัญญูได้เข้าช่วยเหลือ นายสายชล
โฉมประเสริฐ อายุ 25 ปี ชาวอำเภอเมืองลพบุรี ที่มาจอดรถจักรยานยนต์หลบพายุฝนอยู่หน้าร้านตรวจสภาพรถ ถูกป้ายตู้ไฟโครงเหล็กโฆษณาของร้านล้มมาถูกศีรษะได้รับบาดเจ็บแผลฉีกขาดที่ศีรษะ จากนั้นเข้าช่วยเหลือผู้บาดเจ็บติดอยู่ในบ้านไม้ 2 ชั้น ที่ถูกต้นโพธิ์ข้างบ้านโค่นลงมาทับบ้านที่ ต.ทะเลชุบศร พังทั้งหลัง
ผู้สื่อข่าวรายงานอีกว่าเมื่อช่วงเที่ยงวันที่ 30 เม.ย. ที่ อ.ศรีราชา จ.ชลบุรี มีฝนตกลงมาอย่างหนัก และต่อเนื่องนานถึง 3 ชั่วโมง อีกทั้งมีลมพัดแรงส่งผลให้ต้นไม้หักโค่นทับรถยนต์ประชาชนในพื้นที่ โดยจุดแรก เจ้าหน้าที่กู้ภัยสว่างประทีปศรีราชา เข้าช่วยเหลือนายสราวุฒิ พรมสูตร อายุ 36 ปี คนขับรถ mg สีขาว หมายเลขทะเบียน กร 2014 จันทบุรี ที่รถถูกพัดตกคูน้ำที่บริเวณซอยโรงเป็ดหมู่ 2 ต.สุรศักดิ์ จุดที่สอง เจ้าหน้าที่ป้องกันสาธารณภัยเทศบาลศรีราชา ได้นำเลื่อยยนต์มาตัดต้นไม้ขนาดใหญ่ที่หักทับรถ 3 คัน ที่จอดบริเวณซอยศรีราชานคร ต.ศรีราชา ได้แก่ รถฮอนด้าแจ๊ส สีฟ้า เลขทะเบียน กบ 5782 ขอนแก่น รถซูซูกิ mu-x สีแดง เลขทะเบียน จข 2971 ชลบุรี และรถมาสด้า สีแดง เลขทะเบียน ขค 9120 ชลบุรี
ขอบคุณรูปภาพจาก : thairath.co.th
ขอบคุณแหล่งที่มา : thairath.co.th
ติดตามข่าวสาร ได้ที่ : thaigoodherbal.com