[x] ปิดหน้าต่างนี้
Powered by ATOMYMAXSITE 2.5
วิทยาลัยเทคโนโลยีโซ่พิสัย
เมนูหลัก
หน่วยงานในวิทยาลัย
ข้อมูลพื้นฐานวิทยาลัย
งานนโยบายและแผนฯ
ระบบสมาชิก
Username :
Password :
[ สมัครสมาชิก ] | [ ลืมรหัสผ่าน ]
สมาชิกทั้งหมด 84 คน
สมาชิกที่กำลังออนไลน์ 0 คน
หน่วยงานต่างๆ
poll

   คุณคิดว่าเวปนี้เป็นอย่างไร


  1. ดีมาก
  2. ดี
  3. ปานกลาง
  4. แย่
  5. แย่มาก



 

  

   เว็บบอร์ด >> ห้องนั่งเล่น >>
โรคเกาต์ โรคที่ใครๆ หลายคนนั้น ไม่อยากจะเป็น  VIEW : 246    
โดย หยาดฟ้า

UID : ไม่มีข้อมูล
โพสแล้ว : 795
ตอบแล้ว :
เพศ :
ระดับ : 22
Exp : 88%
เข้าระบบ :
ออฟไลน์ :
IP : 27.55.78.xxx

 
เมื่อ : เสาร์์ ที่ 18 เดือน มีนาคม พ.ศ.2566 เวลา 11:22:39    ปักหมุดและแบ่งปัน

วันก่อนที่ออฟฟิศมีปาร์ตี้ค่ะ เด็กๆ แต่ละคนมะรุมมะตุ้มแย่งกันหยิบไก่ทอดทานกันอย่างเอร็ดอร่อย แต่มีพี่อาวุโสอยู่คนหนึ่งที่นั่งนิ่งไม่ไหวติง ไม่มีทีท่าจะลุกไปหยิบอาหารทาน สอบถามแล้วปรากฏว่า ไม่กินไก่ เพราะ “กลัวเป็นเกาต์” นั่นเอง จริงๆ แล้วทานไก่มากๆ เสี่ยงโรคเกาต์จริงหรือไม่ เรามีคำตอบค่ะ

ผศ.พญ.อัจฉรา  กุลวิสุทธิ์ ภาควิชาอายุรศาสตร์ คณะแพทยศาสตร์ศิริราชพยาบาล มหาวิทยาลัยมหิดล เขียนบทความเกี่ยวกับโรคเบาหวานเอาไว้ ดังนี้ค่ะ

โรคเกาต์ คืออะไร?

โรคเกาต์ เป็นโรคข้อซึ่งเกิดจากภาวะกรดยูริกในเลือดสูงเป็นระยะเวลานานจนตกตะกอน ทำให้เกิดโรคข้ออักเสบ ซึ่งโรคนี้รักษาหายขาดได้  หากได้รับการดูแลรักษาที่ถูกต้องเหมาะสมและต่อเนื่อง

อาการของโรคเกาต์

อาการของโรค  แบ่งเป็น 3 ระยะ คือ

–          ระยะข้ออักเสบเฉียบพลัน มักเกิดที่ข้อหัวแม่เท้า หรือข้อเท้า ข้อปวดบวมแดงรุนแรงใน 24 ชั่วโมงแรก หากไม่รักษาสามารถหายได้เองใน 5-7 วัน และส่วนใหญ่ จะเป็นซ้ำ ๆ
–          ระยะไม่มีอาการ หลังจากข้ออักเสบหาย ผู้ป่วยจะไม่มีอาการใด ๆ
–          ระยะเรื้อรัง หลังจากมีอาการซ้ำ 3-5 ปี ข้ออักเสบจะมีจำนวนมากขึ้น ลามมาที่ข้ออื่น ๆ และเกิดก้อนจากผลึกของกรดยูริกขนาดโตขึ้นเรื่อย ๆ อาจแตกเห็นเป็นผงขาวนวลคล้ายชอล์ก

กรดยูริก คืออะไร?

กรดยูริก ส่วนใหญ่ร่างกายสร้างเอง มีเพียงส่วนน้อยไม่ถึงร้อยละ 20 ที่ได้รับจากอาหาร คนปกติค่าในเลือดจะอยู่ในระดับไม่เกิน 7 มิลลิกรัม/เดซิลิตรในเพศชายและหญิงวัยหลังหมดประจำเดือน ส่วนหญิงในวัยที่ยังมีประจำเดือนจะมีระดับไม่เกิน 6 มิลลิกรัมต่อเดซิลิตร ค่าที่สูงเกินกว่าระดับดังกล่าวถือว่ามีภาวะกรดยูริกสูง

 ภาวะกรดยูริกสูงนี้สัมพันธ์กับภาวะอ้วน, พันธุกรรมในครอบครัว, ยาบางชนิด เช่น ยาขับปัสสาวะ และยาแอสไพริน, โรคร่วม เช่น ความดันโลหิตสูง, อาหารที่มีกรดยูริกสูง และเหล้าเบียร์ ดังนั้น ควรลดน้ำหนักตัว, งดเหล้า-เบียร์ และ ลดปริมาณอาหารที่มีกรดยูริกสูงลง

คนที่มีระดับกรดยูริกสูงจนทำให้เกิดโรคมีเพียงร้อยละ 10-20 เท่านั้น โดยเป็นโรคเกาต์ และ/หรือ เป็นนิ่วในไต กลุ่มผู้ป่วยที่มีอาการเท่านั้นที่จำเป็นต้องได้รับการรักษา

อาหารที่ทำให้มีกรดยูริกสูง ได้แก่

–          เหล้าและเบียร์
–          เครื่องในสัตว์ เช่น ตับ, ไต, สมอง
–          อาหารทะเล
–          อาหารที่มีไขมันสูง เช่น ขนมเค้ก  ขนมปัง น้ำหวาน น้ำผลไม้ที่มีรสหวาน

ส่วนสัตว์ปีก และ สัตว์เนื้อแดงที่มีปริมาณไขมันน้อย ไม่จำเป็นต้องงด ยกเว้นในผู้ป่วยรายที่มีประวัติว่ามีการกำเริบชัดเจนหลังรับประทานอาหารดังกล่าว สำหรับอาหารมังสวิรัติ และผักส่วนใหญ่มีปริมาณกรดยูริกค่อนข้างน้อย สามารถรับประทานได้ตามปรกติ

ยารักษาโรคเกาต์

ยาที่ใช้รักษามี 2 กลุ่มใหญ่ ได้แก่

1. ยาควบคุมอาการข้ออักเสบ เพื่อป้องกันการกำเริบของข้ออักเสบ ได้แก่ ยาโคลชิซีน

2. ยาต้านการอักเสบที่ไม่ใช่สเตียรอยด์ ควรให้ในระยะสั้นจนข้ออักเสบหายดี โดยแพทย์จะพิจารณาให้ในขนาดที่เหมาะสมในผู้ป่วยแต่ละราย เนื่องจากอาจมีข้อห้ามในผู้ป่วยบางราย ยาในกลุ่มนี้โดยเฉพาะยาโคลชิซีน สามารถให้ในขนาดต่ำเพื่อลดและควบคุมการกำเริบของข้ออักเสบในระยะยาวจนกว่าจะคุมระดับกรดยูริกในเลือดได้

ยาควบคุมระดับกรดยูริก ประกอบด้วย ยาลดการสร้างกรดยูริก ที่สำคัญได้แก่ ยาอัลโลพิวรินอล และยาเพิ่มการขับกรดยูริกทางไต ได้แก่ ยาโปรเบ็นนาซิด, ยาเบนโบรมาโรน และ ยาซัลฟินไพราโซน แพทย์จะเริ่มยากลุ่มนี้เมื่อข้ออักเสบหายดี และ ปรับขนาดยาจนคลุมระดับกรดยูริกในเลือดได้ในระดับ 5-6 มิลลิกรัมต่อเดซิลิตร และ ให้ยาต่อเนื่องไปเรื่อย ๆ การใช้ยาจึงควรใช้อย่างระมัดระวังและเลือกใช้เฉพาะรายโดยแพทย์เฉพาะทาง เนื่องจากมีผลข้างเคียงและอาจมีผลกระทบต่อระดับยาบางชนิดได้

อย่างไรก็ตาม การรักษาตั้งแต่ระยะแรกของโรคจะได้ผลการรักษาดีมาก หากเริ่มรักษาช้า ต้องอาศัยระยะเวลาอย่างน้อย 6 เดือนถึง 1 ปีเพื่อให้ได้ผลดีและก้อนยุบลงข้ออักเสบจะหายได้และก้อนตะปุ่มตะป่ำจะยุบราบเป็นปกติได้

ข้อควรปฏิบัติสำหรับผู้ป่วยมีดังนี้

–          พบแพทย์แพทย์อย่างสม่ำเสมอ เพื่อติดตามผลการรักษา
–          หลีกเลี่ยงสิ่งกระตุ้น ได้แก่ การหยุดยาเอง/รับประทานยาไม่สม่ำเสมอ, การดื่มเหล้าเบียร์, ในรายที่อาหารที่มีกรดยูริกสูงบางชนิดที่กระตุ้นการกำเริบของโรค

ควรหลีกเลี่ยงอาหารดังกล่าว, การนวด/บีบข้อ เป็นต้น

–          รักษาโรคร่วมและดูแลสุขภาพ ที่สำคัญได้แก่ โรคความดันโลหิตสูง, เบาหวาน, ไขมันสูง, โรคหัวใจ, นิ่วไต, โรคอ้วน, และควรงดสูบบุหรี่
–          ไม่ห้ามอาหารใด ๆ ยกเว้นในบางรายที่มีข้ออักเสบ เมื่อรับประทานอาหารบางชนิด แนะนำหลีกเลี่ยงอาหารดังกล่าวชั่วคราว แต่เมื่อคุมระดับกรดยูริกได้แล้ว จะ

รับประทานอาหารได้ทุกประเภท

ทีนี้ก็เข้าใจตรงกันนะ คราวหน้าหยิบไก่ทอดทานได้เลยไม่ต้องกังวลอีกแล้วค่ะ เพียงแต่อย่าทานมากเกินไปก็แล้วกันเนอะ
https://mydeedees.com/%e0%b9%82%e0%b8%a3%e0%b8%84%e0%b9%80%e0%b8%81%e0%b8%b2%e0%b8%95%e0%b9%8c-%e0%b9%82%e0%b8%a3%e0%b8%84%e0%b8%97%e0%b8%b5%e0%b9%88%e0%b9%83%e0%b8%84%e0%b8%a3%e0%b9%86-%e0%b8%ab%e0%b8%a5%e0%b8%b2%e0%b8%a2/





วิทยาลัยเทคโนโลยีโซ่พิสัย
237 หมุู่ 8 ต.คำแก้ว อ.โซ่พิสัย จ.บึงกาฬ 38170 โทรศัพท์ 042-086002 โทรสาร 042-086002